วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เหี้ยไป...จัญไรมา - Dezember

เหี้ยไป...จัญไรมา - Dezember


    เหี้ยไป...จัญไรมา เป็นเพลงที่ สะดุ้ง และ สะดุด ตั้งแต่เนื้อหาแล้วจนลืมฟังดนตรีไปเลย เอาจริงๆ จิตกูหลุดไปเลย พอช่วงโซโล่นี่ ใจกูลอยเลยเถิด ลาลาลอย100% คิดอะไรไม่ออกเหมือนสตั้นไปเลย ประมาณว่าเห้ย! พวกพี่แกสุดโต่งจัง มันถูกต้องไหมเนี่ย! เอ๊ะ! หรือ จริงๆ ก็ถูกนะ ความรู้สึกมันปนเปกันไปหมด แถมดนตรีก็ยังซับซ้อน ตามสไตล์ ยอมรับเลยฟังรอบแรกมันตะหงิดๆ แหยงๆ

    แต่ว่า ดนตรีมันคือศิลปะ หัวใจสำคัญมันคือสิ่งนี้ เนื้อร้อง+ทำนอง มันคือดนตรี ถ้าใครอ่าน blog ผมมาตลอด ไม่ค่อยจะรีวิวอะไรมาก เป็นปีๆ จะมีซักครั้ง

     ตั้งแต่กูรีวิววงพวกพี่เขานั้นไปนานโน้น ไม่รู้ว่ามีอัลบั้ม อีกอันออกมาอีกไหมนะ จำไม่ได้ เพลงสมัยนี้ แม้แต่วงใต้ดิน ยังต้องออกซิงเกิ้ล ยอมรับว่าไม่ได้ตามข่าวตลอดมาจนถึงเพลง "เหี้ยไป... จัญไรมา" อันล่าสุดนี้ มันทำให้ผมนึกถึงที่แห่งนี้ Blog นี้ จึงได้ตัดสินใจมาเขียน

    เอาหละต่อจากนั้น ก็ฟังมันไปอีก หลายๆ รอบ คือเพลงพวกแกเข้าถึงยากอยู่แล้ว เนื้อร้องดูพื้นๆ แต่ก็ยังดูซับซ้อน ซึ่งฟังไปฟังมาถึงบางอ้อ 55555+(หัวเราะ) ยิ่งเลื่อนลงมาอ่านเม้น ไอ้พวกเม้นการเมือง ยิ่งตลก โดนดักควายกันหน้าสลอน หน้าสั่นกันไปหมด 555+(ฮา) คือ...เพลงนี้สรุปดีๆ คือต้องถูกแล้วครับ เหี้ยไป... จัญไรมา สรุปตามนั้นตามนั้นเลย จริงๆ

    เอางี้มาวิเคราะห์กันดีกว่า อันดับแรกนะ คิดก่อนว่า คำว่าเหี้ย หมายถึงใคร? ในเพลงเค้าบอกหรอว่า ชื่ออะไร? จัญไรนี่หมายถึงใคร? ใครจะมา!?  แล้วช่วงเวลาหละ หมายถึงตอนไหน??..... เค้าไม่ได้บอก  55555555+++(ขำแรง)

    เอ้า!! งั้น  ถ้าไม่ได้บอก ลองคิดเองก็ได้ว่า เหี้ยไป จัญไรมา เหี้ยไป จัญไรมา เหี้ยไป จัญไรมา..

  • คสช.ไป พรรคใหม่จะมา
  • ทักษินไป แมงสาปตัวใหม่เข้ามา
  • หลีภัย หมดไป ความหวังใหม่มันก็มา

คือถ้าจะไล่ย้อนไปจริงๆ ไม่ว่า พรรคพวกไหน จะอยู่ก่อนมาใหม่ มันก็คือ เหี้ยไป...จัญไรมา จริงๆ
ยิ่งด้วยเนื้อเพลงบอกว่า
                             "เข้ามาก็หวังร่ำรวย ไม่คิดทำควยอะไรเลย"  มันก็เรื่องจริง
                             "คนดีไร้วาสนา จะเดินเข้าสู่สภา การเมืองวังวันอยู่ในกะลา" หรือว่ามันไม่จริง
                             "เข้ามาถึงก็ฮั้วกันแหลกแดกกระจาย"  เป็นตั้งแต่ ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ยันนายก
                             "เวรกรรมประเทศไทย อีกนานสักแค่ไหน"

     คือกูยกมาแค่นี้ละกัน ถ้าจะเอาเนื้อทั้งหมด ที่เขาเขียนไว้ใต้คลิป มันถูกต้องหมดเลย ไอ้ที่พูดมามันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้แต่งเพลงลวกๆ ตามอารมณ์อย่างแน่นอน!!!

    เอาหละ.. หมดไปของเนื้อหา มาคุยกันในเรื่องของดนตรีกัน
    ดนตรีก็ตามสไตล์ Thrash ปน Progressive ในภาคของกลองนี่ โน้ตเยอะ คนตีกลองจะต้องจำหรือ ต้องซ้อมบ่อยๆ ไม่งั้นตีไม่เหมือนเดิมแน่ๆ ในภาคของกีต้าร์นี่แหละ ทำเอากูหลุดไป พริ้วมาก พร้อมกับความกังขาในเนื้อหาที่กูฟังไปตอนแรก กูทำตัวไม่ถูกเลย 555+ แล้วก็ตัดเข้าดนตรีแบบซับซ้อนเข้าไปอีก สตั้นไปเลยอย่างที่บอก

    เสริมอีกนิดหนึ่ง คือ ช่วงนี้ได้ติดตาม instagram ของคุณต้น Sillyfools @jakrinjuprasert อยู่ เห็นวงพวกพี่เขาไปใช้บริการห้องอัด ผมก็ไม่แน่ใจว่าเพลงนี้หรือเปล่า มือมิกซ์เพลงนี้เป็นต้น Sillyfools หรือไม่ ซึ่งได้ฟังเสียงผ่าน youtube รู้สึกว่า คลีน  สะอาด คมชัดทุกอุปกรณ์ และร่วมสมัยมาก ต่างจาก อัลบั้มก่อนๆ ที่เคยฟังมา เสียงกลองมันเป็นทู่ๆ จึ๊กๆ ไงไม่รู้ ซึ่ง concept อัลบัมที่ผ่านมาอาจจะต้องการ sound แบบนั้นก็ได้

    เอ้าเดี๋ยว เสริมอีกๆ เรื่องของ MV ละกัน ทำได้ลงตัวดีมากๆ ซึ่งมันดูง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่แล้วด้วย เนื้อหา+ดนตรี+MV ที่เหมือนมีคนจะลงคะแนนเลือกตั้ง ทำหน้า งงๆ เหมือนจะเอาไงดี แต่ตอนภาพตัดสุดท้าย ก็ได้เดินออกจากคูหาไป ไม่รู้ว่า กาไปหรือยัง หรือไม่ได้กา มันทำให้คนที่เข้ามาดู มองได้หลายๆ มุมออกไป จากสิ่งที่เห็นเหมือนๆ กัน, แต่ความหมายมันสะท้อนทัศนะคติของตัวคน ของผู้รับชมเอง

   สุดท้ายนี้ เชื่อว่าเพลงนี้น่าจะใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่า อดีต ปัจจุบัน รวมถึง อนาคต ชื่อได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะไปนั่งอยู่ที่จุดไหน ณ.เวลาใด ถ้าได้เปิดเพลงนี้ เพลงนี้จะไม่มีวันเก่าอย่างแน่นอน

อ้อ... ลืม นี่ลิ้งค์ เหี้ยไป...จัญไรมา
เข้าไปรับชอมเพลงของวง Metal สายเลือดไทยอย่าง DEZEMBER กันได้เลย


และสุดท้ายนี้ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด กูก็ไม่ต้องการหวังให้มึงอภัยกูทั้งสิ้น
ถ้าเห็นต่างก็เขียนมา มันจะเป็นเครดิตของตัวมึงเอง
...

อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สุขสันต์วันลอยกระทง

☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺
ในโอกาส วันเพ็ญ เดือนสิบสอง
สุขสมปอง ทุกสิ่ง ดั่งใจหมาย
ยิ้มแก้มปริ เบิกบาน ชื่นฤทัย
เปรียบดอกไม้ เบ่งบานเต็ม ปฐพี
ถ้าทุกข์ใด ให้เหนื่อยล้า เศร้าหม่นหมอง
จงปัดป้อง ให้คลายไป บัดเดี๋ยวนี้
ธรรมชาติสร้าง ท้องฟ้าสวย ทะเลใส
เปรียบดั่งได้ คนน่ารัก จิตไมตรี
ให้สุกใส สกาวดั่ง เดือนเพ็ญนี้
ในวันที่ สุขสันต์ วันลอยกระทง
☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺

        ไอ้กลอนนี้เขียนมันขึ้นมานานละ อาจจะไม่ค่อยดีมาก หรือ หวือหวา อะไร พอดีวันนี้เปิดคอมมั่วๆ ไปเจอรูปนี้เข้าเลยนึกขึ้นได้ว่า กูเคยทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
        เมื่อนึกย้อนๆ ไปถึงที่มาของกลอนบทนี้มันก็ตลกตัวเองดีหวะ 555++
บังเอินด้วยว่าวันนี้ 22/11/2561 เป็นวันลอยกระทงด้วย ก็เลยเอามาโพสใน Blog ซะเลย
...

อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

แป๊ะอย่าร้อง - Single

แป๊ะอย่าร้อง - Single

      อู้ยยยยยยยยยยยย อ้าาาาาาาาาห์!!  ห่างหายไปนานเลย 3 ปีกว่า จะได้แวะมาเขียนรีวิว วู้วววส์ อ่าฮ้าาาล์~~ คือหมายถึงตัวกูเองนะ ไม่ใช่วงที่กำลังจะรีวิว คือวงนี้ลืมไปเลย นึกว่าวงแตกไปแล้ว
      เอาหละตามปกรูปเลยนะ... "แป๊ะอย่าร้อง" ฮึ๊บ! อึ๊บ... เงียบเดี๋ยวนี้!!!... พร้อมกับง้างมือที่จะฟาดลงอีกที เป็นการห้ามปราม ไม่ให้ใครคนหนึ่งร้องออกมา อย่างน่าเวทนาที่สุด
      หรือ... ลองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แบบว่า "แ ป้ ะ อ ย่ า ร้อง~~" โอ๊ยส์! อ่าาห์ อืมม... เบ๊าเบา~~ ข้างห้องจะด๋ายยิน ด้วยสายตาชวนฝันที่เปล่งประกาย แล้วเอามือโอบเอวอยู่ พร้อมทั้งสบตา เอ่อ... อันนี้คิดว่า แฟนหนุ่มน่าจะหกล้ม แล้วตีนไปเหยีบอะไรเข้า แล้วร้องเสียงดัง แฟนสาวเป็นห่วง และเป็นคนดีไ่ม่อยากให้มีเสียงดังรบกวนห้องอื่น เลยเอามือโอบเอวพยุงตัวขึ้นมา แต่น้ำหนักตัวหนักเกินไป ก็เลยส่งเสียง โอ๊ยส์! อ่าาห์ อืมม... ออกมาเบาๆ

     มึงพลาดเข้ามาอ่านข้อความปัญญาอ่อนอะไรวะเนี่ย เนอะ 5555+ 

     เข้าเรื่องๆ เรื่องมันมีอยู่ว่าเพื่อนมันส่ง Link เพลงมาในมือให้ฟังใน LINE เป็นวันแรกที่ปล่อยเพลงเลยคือวันที่ 8/8/2559 คือการกลับมาของวงนี้ตื่นตาตื่นใจผมมาก ละก็คิดว่า แฟนเพลงคนอื่นๆ หรือ คนในวงการเพลงด้วยกันก็คงรอคอยและอยากฟังเหมือนกัน
แค่ปล่อยเพลงวันแรก กดใน google แป๊บๆ ก็มีคนแกะเพลง ท่อนโซโล และ ร้องCover ก็มี ไวชิบหายโลกสมัยนี้ มีแต่กูคนเดียวที่ทำอะไรชักช้า ถ้าไม่ได้ฟังเพลงนี้ก็ไม่นึกถึงว่าตัวเองมี Blog อยู่

     เอาหละๆ ย้อนมาฟังเรื่องของกูดีกว่า คือหลังจากเพื่อนส่ง Link มาให้ฟัง
ไอ้เราก็ว้าว ดีๆ ฟังดูเด๊ะ ดนตรีสนุก Modern ตามสไตล์เขาเลย เสียงกลองชัดแจ๋ว ริฟกีต้าร์เท่ห์ดี เบสพริ้ว เสียงคนร้อง........... เอ๊ะ! ยังไงวะ? มันมีความสงสัย 2-3 อย่างออกมาพร้อมๆ กันแต่อธิบายไม่ถูก เลยลองถามเพื่อนกลับไปตามภาพ

ไอ้เราก็พึงฟังไปรอบเดียวไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังไง รู้แค่ว่าพยายามร้องให้มันออกมาดูน่ารักมั้ง 

แล้วที่สำคัญนะ เพื่อนมันก็ใจดีเวลาฟังเพลงแล้วนึกถึงเรา แต่เราก็บอกเพื่อนไม่ได้ว่า เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง 5555+ มันร้องว่าอะไรวะ  จับใจความได้นิดๆ หน่อยๆ 

ยังกับฟังเพลงพวก Metal บางเพลง เอิ่ม.. ก็เกือบทุกเพลงแหละวะ คือต้องเปิดเนื้อเพลงไปฟังไป 

คือเพลงก็เป็นเพลง Modern Rock ฟังสนุกๆ ร้องก็ไม่ได้โวยวายอะไร ทำไมกูฟังไม่รู้เรื่องวะ 

แล้วยิ่งพยายามฟังเนื้อร้อง ฟังซ้ำๆ ก็พอฟังออกบ้าง แต่ไม่ทั้งหมดแน่ๆ เพราะว่า พอแปลออกมาแล้ว เอาเนื้อหามารวมกัน เรื่องราวของเพลงมันก็ยังดูแปลกๆ แสดงว่ากู ฟังผิด หูเพี้ยนแน่นอน

อ้าว แล้วมันเป็นยังไงหละ มาลองฟังที่ผมแกะออกมาดูนะครับ




ว๊ายย!~~~~
วันนี้มีรถโรงเรียน เบรคอี้ดแวะเข้าจอดมารอ
โก่งๆ งอๆ  รถบรรทุก มีมอเตอร์ไซค์
วันนี้เล่น ไม่เรียน ฉันมันจน ไม่คิดจะพอ
ฉันขอให้ออกมาเต้น ให้มันมากไป

เนี่ยว์เธอ.. อยากลองไหม

*  แต่ อย่าร้อง คิดจะลองก็ต้องทนหน่อย>
จะถอยก็ให้รีบเลย หลบไปไกล
อย่าร้อง คิดจะลองก็ต้องฟิต! หน่อย
จะถอยให้ไอ้นี่เลย เพราะอันตราย (อิ๊ย์)

ทั้งรุกทั้งรับ ทำเถอะ ควิก คนอร์
ต้องปรุงให้ร้อน อย่าใส่พริก ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ของหวาน ในตู้เย็น เธอ เอาเสริฟมารอ
ตักเอาข้าวหอม เมื่อลิ้ม แล้วมันชื่นใจ

เนี่ยร์เธอ อยากอ้วนไหม

ซ้ำ (*) 2 ครั้ง

หำ.... ยาน เป็นผื่นคัน... กร่องดวงใจ
น้ำ.... ยาย เจ้าอย่าย้อย น้ำลย์ายไหย  ไหล....

SOLO:

ซ้ำ (*) 2 ครั้ง


     เอิ่ม..... เป็นเนื้อหาที่โปรเกรสซีฟมากๆ  มีรถโรงเรียนมาก็ไม่ไป พาไปเต้น แล้วก็บอกให้เขา อย่าร้อง ฟิตๆ หน่อย จะถอยก็รีบๆ แล้วก็พาไปกินข้าว อยู่ๆ ก็พูดหำตัวเองยาน ขึ้นมา น้ำลายย้อยไหลอีก โอ้วว์ โคตรปรัชญา โปรเกรสซีฟสุดๆ

     หรือว่าเนื้อหามันออกแนวทะลึ่ง สองแง่สองง่าม แต่นำเสนอให้มีศิลปะที่ซับซ้อน เนื้อหาที่วิเคราะห์ออกมาเป็นดังนี้
  • ตอนต้นเพลง คือไม่ไปโรงเรียนจะพาสาวไปอึ๊บ(น่าจะเป็นท่อนที่ว่า ฉันขอให้ออกมาเต้น)
  • ท่อนฮุคนี่ อย่าร้อง อาจจะเจ็บ หรือกำลังเสียวสุดๆอยู่(โอ๊ยส์ ไม่ไหวแล้วๆๆ) ทนๆ หน่อย
  • จะถอยให้ไอ้นี่เลย เพราะอันตราย ; พอเอาๆ ก็โชว์เก๋าไง ถ้ากลัวก็เลิกๆ เย็ดไปซิ อะไรทำนองนี้ แต่พอเขาถอยออกไปจริงๆ ให้ไอ้นี่เลย(ควย) เพราะมันจะเลิกจริงๆ
  • กำลังเอากันอยู่ มีทั้งรุกทั้งรับ(อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเป็น ชาย:ชาย หรือ ชาย:หญิง)
  • ต้องปรุงให้ร้อน อย่าใส่พริก ; ความนัย คือ เป็นการเปรียบเปรย ทริค หรือ เทคนิค ขณะร่วมเพศอยู่
  • ของหวาน ในตู้เย็น เธอ เอาเสริฟมารอ ; สายเบิร์น แน่นอน
  • ตักเอาข้าวหอม เมื่อลิ้ม แล้วมันชื่นใจ ; ซดดังจ๊วบบ! เลย
  • เนี่ยเธอ อยากอ้วนไหม; แตกในนะ กลัวท้องป้าว
  • หำยาน เป็นผื่นคัน กล่องดวงใจ ; เป็นความหมายตรงตัว
  • น้ำลาย เจ้าอย่าย้อย น้ำลายไหล ; ความหมายคือ เสร็จเรียบร้อย อย่าหลุดเข้าไปข้างในนะ แล้วก็ พรึดๆ ปุ๊ดๆ  ...วิ้งๆ อ้าาาส์~~


      สรุปคือมันคือเพลง เกี่ยวกับ "การร่วมเพศ" .... .  (- -")   ใช่หรอวะ!... ต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดแน่นอน วงนี้เป็นวงตำนาน เนื้อเพลงไม่น่าจะอินดี้อย่างนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่พยามหาเนื้อมาดูหรอก คิดว่าใน Youtube หรือเว็บอื่นๆ เขาคงต้องลงไว้แหละ คือกูจะพยายามฟังเองดูซิว่า จะรู้เรื่องขึ้นมาบ้างไหม

       เอาเป็นว่าในส่วนของเนื้อร้องข้ามไปเลยละกัน รีวิวเท่านี้ 

       มาพูดถึงในสิ่งที่กูสงสัยใน 2 หรือ 3 อย่างในเวลาเดียวกันดีกว่า ว่ามันคืออะไร? ที่เกี่ยวกับตัวนักร้อง

       อันดับแรก เนื้อเพลง อ้อ!. พูดถึงไปแล้วนี่ ต่อมาน่าจะเป็น "จริต" ที่เพื่อนผมมันบอกว่า "เหมือนมีลิ้นพันกันอยู่ในคอ 8 ลิ้น แพล่บๆ" ตอนแรกๆ ผมก็นึกถึงคำว่า "จริต" ไม่ออก นึกออกแต่คำว่า "กระแดะ" ทำให้ดูน่ารักน่าชัง ขี้เล่น ลูกเล่น เล่นขี้ 

       อันสุดท้ายน่าจะเป็น ข้อเปรียบเทียบกับนักร้อง "บังโต" ฟังแล้วเหมือนไหม มันมีคำถามกับตัวเองแบบอัตโนมัติ.. บอกเลยว่าไม่เหมือน เหมือน "ติ๊กชิโร่" มากกว่า อิ๊ อ๊ะ อุ๊ อั๊ส อุ๊ว้าว ค๊วย!  5555+  บังโตมันไม่น่าร้องอย่างนี้นะ แล้วก็ เสียงนักร้องคนใหม่ มันดูสด ลื่น คม ลมดี ยาสตรีเพ็ญภาค อยู่คู่ครัวเรือนสังคมไทยมายาวนาน ขับลม เจริญอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต แก้ลมวิงเวียน 55555+  ปัญญาอ่อนดีหวะ มึงก็ทนอ่านกูได้ถึงขนาดนี้

       อะ อะ อะ! เอาเป็นว่า.. เสียงนักร้องแม่งไม่เหมือนบังโต มันได้คนละฟิวส์ จะให้ไปเหมือนเลยมันก็คงไม่ได้ คนมันเกิดมาคนละท้องพ่อท้องแม่ แล้วจะให้มันเหมือนไปทำไม มีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าตดที่มันออกจากรูหี กับตดที่มันออกจากรูดาก มันให้อารมณ์ ที่ต่างกัน ok?

      แต่อย่างไรนั้น ส่วนตัวคิดว่า มันน่าจะขึ้นอยู่กับความพอใจของคนทำเพลงมากกว่า 
ในการร้องเท่าที่รู้มา แต่ไม่มากนัก โปรดิวเซอร์คือ คุณต้น มือกีตาร์ของวง เป็นคนออกแบบการร้องให้, เนื้อร้องอันวิปลาสนี้(คือไม่น่าจะแต่งตามที่กูเขียนไว้ข้างบนนั่นหรอก) น่าจะเป็นนักแต่งเพลงที่ชื่อ ฟองคาปูชิโน่ เอ้ย!, ฟองตกขาว เอ้ย!, ฟองเบียร์ เอ้ย!, อ่าวจะเอ้ยทำไมอะ ถูกแล้ว!! (มุกเดิมๆ ทนๆ อ่านหน่อยนะ 555+)

      กระแสที่พูดถึงนักร้อง ที่อ่านๆ ตามเม้น ที่ต่างๆ บางคนก็บอกว่าชอบ ว่าดี บางคนก็บอกว่าเสียงบางไป บางคนบอกว่า เสียงไม่เหมือน บางคนบอกว่า เสียงเหมือนเกินไปไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ได้แค่เงาเสียงก็อปปี้ บางคนบอกว่า ชอบบังโตมากกว่า อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

      อืม... น่าเห็นใจวงนี้ เหมือนกัน ที่มีแฟนเพลง ยึดติดกับนักร้อง ทั้งๆที่เขาออกจากวงไปแล้ว ยังจะตามรังควานวงเขาอีก ทำไมไม่ไปตั้งใจติดตามที่ตัวนักร้องคนนั้นไปเลยหละ วงเขาก็มีนักร้องใหม่แล้ว มีคนมาร้องให้มันเป็นเพลงแล้ว หรือจะฟังเพลงบรรเลง?, แล้วพอเขาไปร้องให้อยู่อีกวง ทำไมไม่ไปตามบ่นตามว่า วงนั้นบ้าง. ทำไมไม่หานักร้องใหม่ ยุบวงไปทำไม

      อารมณ์มันคล้ายๆ ผัวเมียเลิกกัน แล้วต่างฝ่าย ต่างก็มีคนใหม่ แต่งงานมีครอบครัวมีลูกมีเต้ากันหมดแล้ว, แล้วไอ้พวกมึงก็เป็นแค่คนข้างบ้าน ที่ไปอยากเห็นครอบครัวคนอื่นกลับมาเป็นชู้กัน อย่างนั้นหนะหรือ?

      เอาหละๆ พอซะที รีวิวเกี่ยวกับภาคดนตรีกันดีกว่า
      ตึก ตึก โป๊ะ, ตึก ตึก โป๊ะ, พร้อมกับริฟกีต้าร์ แล้วก็ ว๊ายย!~~~~ , เสียงกลองชัดมาครับ แต่เสียง เบส ยังหลบๆ อยู่ ต้องฟังดีๆ จะรู้ว่ามันพริ้ว คือดนตรี 3 ชิ้น ทำได้ดีมากเลย หลังจากดนตรีอินโทรเสร็จ ขึ้นเนื้อร้อง เหมือนจะได้ยินแต่เสียงกลอง กับ เบส เสียงกีต้าร์ หยุดริฟ ไป จะได้ยินเสียงแค่ ง้องแง้วๆ เท่านั้น ประเด็นคือ มีแค่เบสกับกลอง มันก็คุมได้หมดเลยหรอวะ มันอาจจะมีซาวด์ช่วยหรอเปล่า ก็พยายามฟังอยู่นะ แต่สงสัยไปก็เท่านั้น เพราะมันลงตัวแล้ว

      ทีนี้ มาดูช่วงโซโล่กัน เห็นเจ้าตัวบอกผ่านรายการอะไรซักอย่าง บอกว่า เป็นเพลงที่โซโล่ ยาวที่สุดท่าทีทำเพลงมา, "ใช่หรอวะ" ไอ้เราก็มันขี้สงสัยตลอดเลย ตั้งคำถามขึ้นมาในใจแบบอัตโนมัติทุกที ก็เลยลองทบทวนว่าทำไมถึงสงสัยอย่างนั้น

      ก็เลยพยายามคิดออกมาได้ว่า แล้วเพลง "ผิดที่ไว้ใจ" มันไม่ยาวหรอวะ หรือว่า เพลงนี้มันโซโล่ตอนท้ายๆ เขาเรียกว่า " Outro " หรือเปล่า แล้ว เอ้าโทร์เพลงนี้มันไม่โซโล่ รึ!! โอ้ย กูงงแล้วเว้ย กูอาจจะโง่ก็ได้ เอาใหม่ๆๆ  คิดใหม่ๆ

      ท่อนโซโล่ที่มันยาว ที่กล่าวถึงนั้น  อาจหมายถึง จำนวนตัวโน้ต ที่เขาเรียบเรียงใส่เข้าไปหรือเปล่า, ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ถูกของเขาแล้วหละ โซโลเร็วซะขนาดนั้น แล้วก็มีกลิ่นอายของ Blues Scale แถมช่วงจะทิ้งท้ายโซโล่ แบบว่าปั่นเหมือนให้เป็นเสียงเลเซอร์ ปิ้วๆๆ ด้วย คือกะว่า กูทำมาพวกมึง จะต้องลำบากในการแกะตามกูแน่ๆ 5555+

      แต่ไม่วาย ยังไม่ทันข้ามคืน กดไปดูใน Youtube มีคนแกะได้เฉยเลย เชี่ยยย!! ทำเหมือนของง่ายๆ เลย, โลกมันไปไวมาก เหมือนกับคนสมัยนี้ หัวล้านก่อนวัยอันควร เริ่มมีให้เห็นกันเยอะ

      ท้ายสุดน่าจะมีเท่านี้  อ้อ! ยังๆๆ มีอีกประเด็นหนึ่ง ที่ว่าทีเซอร์ หรือตัว MV บางคนว่า เป็นมาเวล มาว่าว อะไรซักอย่าง ไม่เห็นจะเหมือนเลยแต่คิดไม่ออกว่าเหมือนอะไร แต่เพื่อนผมคิดไวกว่าผม ดูๆ มันส่งรูปมาให้ดู









     เอาหละครับสุดท้ายนี้ กูก็ไม่ใช่นักวิชาการเพลงดนตรีไทยสากล หรือเป็นประธานชมรม เพลงไทยระดับชาติ บทความนี้เขียนขึ้นมาไม่ได้เพื่อเป็นบรรทัดฐานอะไรทั้งสิ้น เขียนขึ้นจากความคิดเห็นในฐานะผู้บริโภค จงใช้วิจารณญาณในการอ่าน ท่านจงใช้ ค.ว.ย. เป็นตัวตัดสิน(คิด วิเคราะห์ แยกแยะ)

     ถ้าหากข้อความข้างต้นมีขอผิดพลาดประการใด หรือล้อเลียนใคร ตัวกระผมไม่ขอให้อภัยให้ผม หรือแก้ไขอะไรทั้งนั้นหนะครับ เพราะกูเต็มใจเขียนมันขึ้นมา ตอบสนองความต้องการของกูเอง มีปัญหาเม้นเม้นด้านล่าง แถมได้เครดิตเป็นของตัวเองด้วย


เออ.... อู้้ว์..... อ้าาาาาส์  พล่ามมาตั้งนาน ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อวงเลย ติดตามพวกเขาได้ วงร็อคไทย ในตำนาน พวกเขามีนามว่า



...

อ่านต่อ...

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

มักกะโรนี - ดอกไม้จันทน์

มักกะโรนี - ดอกไม้จันทน์


     เป็นวงไทย แนว Death Metal ที่ฟังง่าย เนื่องจากไม่ได้ร้องแหกปาก เหมือนกับ Death Metal สมัยใหม่
     ฟังเสียงคนร้องแล้ว คุณจะนึกถึง เสลด ที่ติดกลั้วอยู่ในลำคอตลอด แบบไม่หลุดออกมาซักที มีช่วงร้อง ว้ากๆ ออกมาบ้างเป็นบางครั้งบางเพลง สงสัยเสลดจะหลุดเข้าหลอดลม

     เออ... เป็นอัลบั้มที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้หวะ ถ้าชอบถ้ารักวงนี้ ก็หาข้อมูลอย่างอื่นเอาเองละกันนะ
ไม่รู้ว่าวงนี้จะมีแฟนพันธ์แท้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้ามีก็อยากจะถามเหมือนกันว่า เพลงทั้งอัลบั้มนี้ มีคำว่า "ตาย" อยู่กี่คำ
     ฟังมันทุกเพลง ต้องมีคำว่า "ตาย" เหมือนกับว่าไม่มีไม่ได้นะต้องมี~~

     ที่ประทับใจมากที่สุดทั้งอัลบั้มคือ บางคนเห็นปก CD แล้วอาจจะคิดว่า ฟังแล้วมันหนักสมอง หรือ กลัวว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง
    จริงๆ แล้วฟังได้โดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาใน ปก CD ด้วยซ้ำ แถมยังได้ข้อคิดมีสาระ ย้ำ! มีสาระจริงๆ(จะว่าไปแล้วทุกเพลงก็มีสาระในตัวมันเองทุกเพลง แหละวะ)
     เหมาะสำหรับชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่เบื่อการฟังเทศ ฟังธรรม จากครูบาพระสงฆ์ หันมาฟังสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ ผ่านบทเพลงแห่งความตายแทน
    ที่ทำออกมาฟังได้เพลิดเพลิน มันส์ในดนตรี Metal และก็ได้ข้อคิด

    อ้อ... แพ็กเกจ CD ทำออกมาดี กระดาษทำออกมามันวาววับ มีเนื้อร้องให้อ่านง่ายสบายตา แถมยังมี Art Work ประกอบให้ทุกเนื้อเพลง สวยงาม ได้บรรยากาศ

เอาหละ รีวิว พอเป็นกษัย ดังต่อไปนี้

1.ถามหาถึงแต่ความตาย
     นั่นแหละ ทั้งเพลง เขาก็จะพล่าม ถึงความเจ็บปวด ทรมาร อะไรบางอย่าง แล้วก็ถามหาแต่ความตาย ความตาย ความตาย และ ความตาย
     ไม่ต้องแปลกใจอะไรมากสำหรับเพลงนี้ มันคล้ายๆ เพลง Intro ของอัลบั้ม ฟังอยู่แป๊บเดียวก็จบเอาซะดื้อๆเลย แล้วก็ตัดขึ้น Track2 เลย จนแอบนึกว่า เอ๊ะ! แผ่นกระตุกป่าววะ

2.นรกอย่างเดียว
     ครับนั่นแหละ พอพูดถึงความตาย สิ่งแรกที่จะนึกถึงเป็นอันดับแรก กูว่า 90% ขึ้นไป คนส่วนมากจะนึกถึง "นรก" มากกว่า "สวรรค์"
เนื้อหาพูดถึงคำว่า ต้องตาย ต้องตาย ต้องตาย นรก นรก นรก กรรมเวร นิพพานไม่มี นิพพานไม่มี
     สรุปนะ เขาจะบอกว่า ทุกคนเกิดมาต้องตายหมด
     ภาคของดนตรี จะไกล้เคียงกับดนตรีของ Track แรก
เหมือนมันจะต่อกันมาเป็นเรื่องราว ทั้งดนตรีและเนื้อร้อง ดนตรีจะไม่บ้าระห่ำมากนัก จะออกเนิบๆ โยกๆ แต่กลองก็รัวกระเดื่อง ตึบๆๆ ป้าบๆๆ

3.ไฟแห่งความตาย
     พูดถึงงานศพมนุษย์ การเผาศพคนที่เสียชีวิตแล้ว จะเป็นการเปรียบเทียบว่า ตายแล้วก็กลายเป็นขี้เถ้า การตายเกิดขึ้นอยู่เสมอ
     ถ้าพูดถึงเรื่องดนตรี เพลงนี้ สุดยอดมาก ฟังแล้วหลอนจิตดี แถมคนร้องก็ร้องได้หลอนดี
ดังตัวอย่างบางท่อนที่ว่า

      "กลัว... ไม่อยากตาย" แล้วก็มีท่อนรับ ร้องขึ้นมาหลอนๆ ว่า  "อย่ากลัว... ความตาย"

     ยังไม่พอ มีทีเด็ดอีก ยังมีเสียงคล้ายๆ พระสวดส่ง พระอภิธรรมในเพลงด้วย ผนวกกับดนตรี Metal หืม... อธิบายไม่ถูกเลย
     เมโลดี้ในเพลงก็ต่างจากเพลงที่ 1-2 ทำให้รู้สึกว่า ทำดนตรีออกมา จะไม่เหมือนกันทั้งอัลบั้ม มีความแตกต่างกันแต่ละเพลงอยู่

4.ยอมคือตาย (feat.โป่งหินเหล็กไฟ,The Sun)
    เพลงนี้จะพูดถึงความอ่อนแอของมนุษย์ ทั้งร่างกายและจิตใจ จะออกจากโหมด นรกแห่งความตาย อย่างเพลง Trrak 1-3
แล้วจะกล่าวถึง ชีวิตประจำวันของการใช้ชีวิตมนุษย์ ที่ยืนอยู่บนสังคมอันเน่าเฟะ จึงได้วะลีในเพลงที่ว่า

        "ความอ่อนแอมันจะฆ่ามึง ความเข้มแข็งจึงอยู่รอด!!..."

   เพลงนี้มีพี่โป่งหัวเถิก มาร้องแจม เสียงแหลมๆ หลอนๆ นึกภาพตามนะครับ
คนเตี้ยๆ ผมยาวสวยๆ หัวเถิกๆ ใส่ชุดหนังสีดำ ยืนจังก้ากางขา ถือไมค์ 2 มือคล้ายการจับขลุ่ย เงิยหน้าขึ้นตามไมค์โครโฟนที่แกเป็นคนถือเอง แล้วร้องเพลงขึ้นว่า

     "จงเปิดตาดูว์.... มนุษย์ผู้มากไปด้วยความโลภ ในสังคมที่ฟอนเฟะ ผู้หนึ่งได้ ผู้หนึ่งสูญเสีย... ยอมคือตาย.. สู้คือลมหายใจ.. ยอมตายอย่างเดียวดาย หรืออยู่อย่างผู้ชนะ บนโลกที่เน่าเหม็น แย่งชิงจึงได้มา"

    จะว่าไปแล้วเนื้อหาเพลงนี้ จะสื่อไปทางประชด ในสันดานของมนุษย์ ให้ข้อคิดได้หลายมุมเลยทีเดียว
    ในภาคดนตรีของเพลงนี้ ระห่ำขึ้น กลองก็ยังไม่ทิ้งจุดเด่น ทั้งกระเดื่อง และ สแนร์ รัวฟาดดัง ตึบๆๆ ปั๊วๆๆ ป๊าบๆๆ ตรับๆๆๆ อ้าาาส์! จะแตกแล้ว~~

5.ด้วยเลือดและความตาย
     เนื้อหาเพลงนี้จะมีการเมืองเข้าเอี่ยวด้วย แน่นอนว่า การเมือง ความตาย มันย่อมเกี่ยวกับการ ฆ่ากันเพราะอำนาจ การเกลียดชัง ทำสงครามทางการเมือง
ดั่งเนื้อร้องท่อนหนึ่งที่ว่า

     "ถูกคือมัน ผิดคือเรา ต้องทำตาม ใครขวางทาง เป็นเสี้ยนหนาม เอาให้ตาย"

     ดนตรีเพลงนี้ก็ระห่ำใช่ย่อย Riff Guitar ก็น่าจะเป็นพระเอก ขึ้นต้นก็ได้สำเนียงขึ้นมาก่อนเลย ท่อนโซโล่ก็ปั่นซะ นิ้วพันหยุบหยับเป็นหนวดปลาหมึก เลยหละมึง

6.รัตติกาลแห่งความตาย
     "มีคน..มีบาป ไร้คน..ไร้บาป" คุณจะได้ยิน วะลีนี้ เกือบทั้งเพลง ซึ่งเนื้อหาก็แรงใช่ย่อย การพูดถึงที่ว่า ถ้าหากยังมีมนุษย์ มันก็ยังมีบาปอยู่ถมไป วิธีที่จะไม่ให้มีบาปก็คือ ฆ่าคนทิ้งแม่งให้หมดซะ ให้เหลือแต่โลกมืดๆ คิดว่าเนื้อหาในเพลงนี้น่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องของศาสนาเข้าไปด้วย
     ซึ่งมีเนื้อเพลงที่จะหยิบยกมาให้ดูบางท่อน ดังต่อไปนี้

    "บาป เกิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์
     คำสาป อุบัติขึ้นหลังการกระทำ
     พระเจ้า ไถ่บาปด้วยคำพูดแห่งความตาย
     ล้างบาป โดยประหารผู้ที่สร้างคนให้สร้างบาป"

     แหะๆ ขบคิดตีความกันเอาเองนะ บางมุมมองอาจจะมองว่าเนื้อหามันจิตๆ บางมุมมองอาจเป็นคติสอนใจก็เป็นได้
    
     ดนตรีช่วงขึ้นเพลง จะเป็นการเกากีต้าร์ ให้สื่อถึงความวังเวง หลังจากนั้น กลองก็เริ่มมีบทบาทขึ้น ถ้าไม่รัวกระเดื่อง ซักเพลง เขาจะชักตายหรือไงก็ไม่รู้
     จังหวะของเพลงนี้จะไม่เร็วมาก อาจจะเรียกว่าเป็นเพลงช้าก็ได้มั้ง แต่ช่วงหลังๆ เพลง จะเล่น เร็วขึ้นๆ น่าจะมีการเปลี่ยน คีย์ซิกเนเจอร์ ด้วยมั้งนะ

7.เสี้ยน
     "เสี้ยน" บางคนยังไม่ทันมอง แล้วรีบอ่านมันว่า "เงี่ยน" ถ้าคุณเห็นชื่อเพลงเขียนว่า เสี้ยน เฉยๆ อย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นเสี้ยนหนาม อันเล้กเล๊กก.. ถ้าอย่างนั้น เขาคงไม่เอามาแต่งเป็นเพลง Metal หรอกมั้ง
     "เสี้ยน" ในที่นี้หมายถึง เสี้ยนยา คือการอยากยา มีความกระหายอยาก เสพยาสารเสพติด ซึ่งยากต่อการควบคุมได้ แต่ถ้า เงี่ยน คืออาการของกูเอง มันมีความกำหนัด มีความกระสัน หัวควยสั่น มกๆๆ ไม่สามรถหยุดได้    
     เนื้อเพลง ก็จะกล่าวถึงการ เงี่ยนหงี่ เอ้ย!! เสี้ยนยา โทษของการเสพสิ่งเสพติด รวมทั้งการอารัมภบท เกี่ยวกับยาเสพติด เช่น

     "ความสุขที่หลอกลวง มันจะพามึงลงนรก ลุ่มหลงในสิ่งเสพติด เห็นเพียงสวรรค์จอมปลอม"

     เพลงนี้เน้นไปทางยาเสพติด เนื้อร้องยังสามารถพ่วงคำว่า "นรก" มาด้วยได้ ให้ทายซิว่าเพลงนี้มีคำว่า "ตาย" อยู่หรือไม่... ถ้าอยากรู้คุณต้องหามาฟังเอง
     ในส่วนของดนตรี มันคล้ายๆ ท่อนเพลงสุดท้ายของเพลงที่แล้วเลย เหมือนพยายามจะทำให้มันต่อเนื่องกันหรือเปล่านะ เพื่อความลื่นไหล แต่ดนตรีมันจะต่างกับเพลงที่แล้วอย่างแน่นอน เพราะว่า เพลงนี้เล่นเร็ว มีเสียงกัดปิ๊กกีต้าร์ ดังวี๊ดๆ ด้วย น่าจะเป็นเมโลดี้จุดเด่นของเพลงนี้เลย

8.สู่ความเลวทราม
     เพลงนี้จะเจาะเข้าไปสู่จิตใจของมนุษย์ เนื้อหาจะเล่าถึงเดรัจฉาน ที่อยู่ภายในใจมนุษย์ เมื่อความดีในตัวเราพ่ายแพ้ ความเลวในตัวเราก็จะสำแดงออกมา ความเลวทราม เป็นสันดานของคนทุกคน
     ดังเนื้อเพลงที่มีการเปรียบเปรยถ้อยคำได้อย่างมีศิลปะ

     "เงามืด แห่งความชั่วร้ายที่หลับไหล ในจิตใต้สำนึก เพียงรอวันเมื่อความดี มอดไหม้ เพื่อเปิดเผยธาตุแท้แห่งตัวตน"

     กับอีกท่อนที่ร้อง รับส่งกัน

     "จำใจ...หรือสันดาน หรือเลวทราม...จากโคตรเหง้า"

     ในส่วนของดนตรี จะมีท่อนโซโล่ตอนไกล้จะจบเพลง ซึ่งตอนต้นๆ เพลง จังหวะก็พอโยกๆ ดีอยู่ พอหลังๆ ก็สับเอาสับเอา ก็นับว่าหลากหลายดี คือฟังๆ แล้วนึกว่าเพลงมันจะจบแล้ว อยู่ๆ แม่ง ขึ้นเพลงมาต่อเฉยเลย สงสัยจะออกแบบมาเพื่อเวลาเล่นสด จะได้มีช่วงพักเหนื่อย

9.ตายโหง
     ชื่อเพลงแม่งน่ากลัว ไม่น่าฟังเลย แต่ดนตรีหนะสิ แม่งโคตรมันส์เลย มันส์ตั้งแต่ต้นเพลง เพลงนี้ขึ้นต้นด้วยเสียง Bass นำมาก่อนเลย(กลัวเพื่อนในวงไม่มีบทบาท) แล้วมีเสียงกีต้าทำซาวหลอนๆ แว้บมาหน่อยนึง ยังกับกะสือ กำลังออกหากินขี้
     ดนตรีแม่ง มีกลิ่นของขี้ เอ้ย!! กลิ่นของดนตรี Heavy กระเดื่องกลองก็พอเพลาๆ ลงอยู่บางจังหวะเพลง คือจะมี จังหวะโยกๆ เนิบๆ ช่วงๆ กลางเพลง แล้วที่เหลือก็เป็น สับๆๆๆ บดซะเร็วเหมือนเดิม Riff ของกีต้าร์ ก็ทำมาฟังเพลินหูดี
     ไม่รู้ว่ากูคิดไปแองหรือเปล่าวะ ว่าดนตรีทุกเพลงที่ฟังมาเนี่ย มันเหมือนคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มีท่อนช้า ท่อนเร็ว และท่อนเร็วมาก รวมท่อนสับขาหลอกนึกว่าเพลงจบ มันเอามาใส่ในเพลงเดียวเลย
     เนี่ย เพลงนี้มือกลองมันกวนตีน หรือ ตีกลองเพลินไปเปล่าก็ไม่รู้ พอเพลงจบก็ตีกลองเอาอยู่คนเดียว สับปั้วๆๆ จนเขาต้องค่อยๆ หรี่เสียงมันลงจนตัดเพลงให้จบไปเลย
     
      เนื้อหาของเพลงนี้ จะประมาณว่า เกลียดแม่งมาก ฆ่าแม่งเลยไอ้สัตว์ ร้องครวญอยู่อย่างนี้ทั้งเพลง มีคำว่าไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ หยาบคายได้ลื่นคอดี
      เอ้า! จะยกเนื้อหาบางส่วนมาให้ดูละกัน

     "มึงต้องตาย ด้วยมือของผู้ถูกเหยียดหยาม มึงต้องตาย ระบายแค้นที่ฝังอยู่ในจิตใจ มึงต้องตาย อย่างเจ็บปวดและทรมาร มึง...ตาย"

มีอีกๆ
     "ปลดปล่อยรอยแค้นที่ฝังลึกในใจหมดความอดทนมันนานเกินควบคุม หน้าเหี้ยอย่างมึงสถุนไพร่จัญไรสัตว์ สันดานหยาบชั่วช้าที่ต่ำทรามเช่นมึง สมควรต้องตายโหง"

     เนื้อหาสะใจมาก เวลาคุณเกลียดใครซักคน แม่งฟังเพลงนี้แล้ว แทบอยากกระโดดเข้าไปฉีกแคมสาวๆ ออกเป็นชิ้นๆ เลย

10.เงามัจจุราช
      เนื้อหา ออกมาทางการเมือง เนื้อหาโดยรวมจะหมายถึง จะมีเงาผู้อยู่เบื้องหลัง บงการให้คนไปตายเพื่อตัวเอง ดังจะหยิบยกเนื้อหาบางท่อนต่อไปนี้

      "รอยเลือดเป็นคราบ ชะล้างหมดไป เหลือไว้คำยอ แค่ขอกูอยู่ เจ็บปวดรับไป ไม่ใช่ครัวกูไพร่ไหนไม่สนเพราะกูผู้ดี"

      "เลือดสาดกระจายให้เปรอะเปื้อน ตายด้วยคำลวงที่ความจริงอยู่ที่ใด เงายังคงบงการด้วยความกระหาย อยู่สุขสบายบนความหายนะ"

      เนื้อหาเลือดสาดกันเลยทีเดียว ส่วนในด้านของดนตรี ก็ระอุ ดุเดือดเลย มันส์ตั้งแต่ต้นเพลงเหมือนกัน เพลงนี้จะมีท่อน Solo ตอนจบเพลง แล้วเพลงก็จบไปเลย ถือว่าเป็นเพลงที่เร็วมากอยู่ เพลง 4.25 นาที แต่ฟังจริงๆ เหมือนเวลาผ่านไปเร็วเหมือนฟังอยู่แค่ 1 นาที

11.ดอกไม้จันทน์ (feat. James Heretic Angels, ป๊อป วรวิทย์)
     เป็นเพลงที่ตรงกับ ชื่ออัลบั้ม ต้องเป็นเพลงทีเด็ด พาคนมาแจมด้วยตั้ง 2 คน เป็นเพลงที่ครบเครื่องเลย คงจะมีอะไรดี คงงัดออกมาโชว์หมด ไม่ว่าเล็กใหญ่
     เนื้อหาเกี่ยวกับ คนเราเกิดมาก็ไขว่คว้า หาแต่ความอยากได้อยากมี กิเลสตัญหา แต่พอตายไปแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เนื้อหาชวนขนลุก อยู่ใช่ย่อย

     "สี่คนหาม ท่ามกลางเสียงร้องระงม ผู้นำในผ้าเหลืองร่ายเวทต์เบิกทาง เวียนสาม รอบเมรุแห่งความตาย ได้เวลาสู่กองเพลิง ไม่มีอะไรยั่งยืน หมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง แม้แต่ชีวิตที่หวงแหน มีอันต้องเป็นไป"

      นี่แหละ Death Metal ของจริง เรื่องราวของคนเกิดมาแล้วตาย ก็ได้นำมาถ่ายทอดลงสู่บทเพลง อย่างมีศิลปะ
      อย่างที่บอกว่าคนที่มาแจมกันตั้ง 2 คน นายเจมส์ มาช่วยว๊ากให้ นายจอห์ชาวไร่ ก็มาช่วยชักว่าว เอ้ย!! ไม่ใช่ๆ นายป๊อป วรวิทย์ ก็มาปั่นกีต้าร์ให้ ดุเดือดดี ได้เมโลดี้ ไม่ปั่นจนเวอร์แต่อย่างใด

      ในดนตรี มีได้ยินเสียงของนาฬิกาปลุกด้วยเว้ย ไม่รู้มาได้ไง ซาวดนตรีก็มีช่วงหลอนๆ มีคนร้องไห้ด้วย มีเสียงเครื่องดนตรีไทยอย่าง "ซอ" ด้วย

12.สัญชาตญาณโหด (Metal Project Cover)
     อันนี้น่าจะเป็นเพลงแถม ไป Cover ของใครมาก็ไม่รู้ ขี้เกียจหาข้อมูล กูเน้นฟังอย่างเดียว
     เนื้อหา ก็ส่อไปทาง จิตใจมนุษย์ อีกเช่นกัน จะคล้ายๆ Track8.สู่ความเลวทราม เพียงแต่ดึงสันดานของมนุษย์ ออกมามากขึ้นกว่าเดิม เป็นสัญชาตญาณ แห่งการฆ่ากันเอง ของสัตว์ที่เรียกว่ามนุษย์
     เนื้อเพลงบางท่อนก็จะประมาณนี้

     "สิ่งทำลายในโลกนี้ อยู่ด้วยการเข่นฆ่ากัน เบียดเบียนกันจนถึงตาย"

     พอถึงท่อนฮูคก็.. "สัญชาตญาณโหด สัญชาตญาณโหด สัญชาตญาณโหด" แม่งทำเสียงโหดๆ ด้วย โคตรสากหู เลย

     ในทางดนตรี เดือดมาก เร็ว โหด ใช้ได้ จนลืมนึกไปว่า คุณพี่ป๊อป วรวิทย์ ยังไม่กลับบ้านหรือเปล่าวะ ท่อน Solo นี่ทั้งปั่น ทั้งSweep ได้ สะใจวัยรุ่นเลย
     รู้สึกว่าเพลง Cover นี้ จะเล่นได้โหดกว่าเพลงของวงตัวเองเสียอีกนะเนี่ย เท่าที่ฟังมา



     จบ!.. มีทั้งหมด 12 เพลง ถื่อว่าป็นแผ่นที่แน่นมาก ฟังทั้งแผ่น ระอุถึงดนตรี Death Metal ไทยแท้ๆ เลย      สุดท้ายนี้ ที่อธิบายมา ทั้งมวลนี้ ก็ไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล อย่าอาศัยแค่ว่าไม่ฟังเพลง หรือฟังมันแค่ผ่านๆ แล้วกดหาเอาข้อมูลจากที่อื่น แล้วเอาข้อมูลกูเป็นบรรทัดฐาน จงเชื่อในสิ่งที่มึงฟังเพลงเอง ด้วยรูหูของมึงเอง รักนะ...

...

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

In Vein - The Truth Remains Untold


In Vein - The Truth Remains Untold


       เอาหละ มาในบทความนี้ จะไม่ขอใส่ความคิดเห็น หรือ Review อะไรมากมาย
แต่ที่เขียนขึ้นมานี้ ก็ กะว่าจะเอาแต่เนื้อร้อง ของอัลบั้มนี้มาแปะใน Blog ก็เท่านั้น
เผื่อว่าใครผ่านไป ผ่านมา ตามสอบถามจากอากู๋ จะได้มาเจอ ที่กู เขียนแปะไว้

       จะเน้นเขียนเนื้อร้องจาก CD ลงไปซะมากกว่า แล้วก็.. ประทับใจอัลบั้มนี้เป็นพิเศษ ไม่ใช่สิ ประทับใจทั้งวงเลย
       ซึ่งวงนี้ก็ได้ ทำออกมา 3 อัลบั้มแล้ว อัลบั้มนี้คืออัลบั้มที่ 3 มั้งนะ กูไม่ใช่แฟนพันธ์แท้
 2 อัลบั้มแรก ออกจากค่ายในนาม Day One Record ค่ายเพลงรุ่นลุง ของดอนจมูกบาน เอ๊ย! ดอนสอนระเบียบ เอ๊ย!! ดอนผีบิน เอ๊ย!! อ่าวจะเอ้ยทำไมหละ ถูกแล้ว~~
อัลบั้มที่ 3 นี้ ออกจากค่าย BananaRecord

ลืมบอกไปเลยว่าที่ชอบเพราะอะไร
        ก็คือว่า ทำเพลงแนว Death Metal ที่เป็นภาษาไทย ถึงแม้ชื่อวง และชื่ออัลบั้ม จะเป็นภาษาต่างชาติ ก็ตาม
        ส่วนตัวคือชอบเนื้อร้องที่เป็นภาษาไทยมาก กูก็คนไทยฟังเข้าถึงได้เร็วไง คนแต่งเพลงก็คนไทยแต่ง คนร้องคนถ่ายทอดอารมณ์ก็คนไทย
        มันเลยทำให้ มีจิตวิญญาณ คล้ายเราเงยหน้าดูภาพวาด
หรือภาพถ่าย ที่เขาใส่อารมณ์ เอาความใจใส่ในชิ้นงาน ที่ถ่ายทอดออกมา มันจะรู้ได้เลยว่าภาพที่วาดทำชุ่ยๆ ไม่มีความหมาย หรือ วาดภาพไปใส่ความหมายอะไรลงไป รูปถ่ายรูปนี้รับรู้ถึงอะไร เรารู้สึกยังไงกับภาพนี้(จะเข้าใจที่กูพยายามเปรียบเทียบป่าววะ)

คือ... ก็เคยบอกไปก่อนหน้านั้นว่า คนไทยร้องเพลงฝรั่งก็ไม่ได้สำเนียง ฟังแล้วมันรู้สึกว่า กระแดะไปทำไม

บ่องตง มันก็แล้วแต่คนชอบหละวะ
ถ้าสำรอก ออกมากลบสำเนียงมันได้เนียนๆ ก็ดีไป ก็กลายเป็นเจ๋งดี ไปเลย

เอาหละๆ หึ้ยส์... เข้าไปอ่านเนื้อเพลง เนื้อหา การเมืองล้วนๆ ได้เลยข้างใน


1. ทุนนิยม ทุกข์นิยม

ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม
ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม

ไม่มีอีกแล้ว... ร่างกายไรจิตวิญญาน
ถูกเผาผลาญโดยพวกสามานย์...
อุตสาหกรรมสังคมระยำ...
สูญเสียความเป็นคน

ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม
ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม

เพราะความจน ต้องดิ้นรนเพื่อความทัดเทียมกันในสังคม
มันทรมาน เมื่อจิตวิญญาณ ถูกแผดเผาด้วยสิ่งเร้าที่เราต้องมี
สังคมนี้ คอยชี้นำให้เราต้องทำ
ไม่เคยแคร์ ไม่ใส่ใจ ประโยชน์ของตนความทุกข์ระทมของใคร...

ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม
ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม
ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม
ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม

ไม่มี... เราไม่มีก็ช่างปะไร...
ความสุขอยู่ที่ใจไม่ได้อยู่ที่ใคร...
หยุดไสส่งเหยียดหยาม พอซะที

ทุจริตในหน้าที่ปราศจากความละอาย
ประจบนักการเมืองเพื่อความเจริญความก้าวหน้าหน้าไม่อาย
เรากลายเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ที่คนจนไม่เคยจะอยู่ในสายตา
เพราะความเห็นแก่ตัวมากจนเกินไป คอยเสาะแสวงหาแต่ผลกำไร
ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ล่าอาณานิคมสมัยใหม่
หลังม่านมายาแห่งความศิวิไลซ์

Riff: $#%^~~

มันได้ทุกสิ่งไปจากเรา ต้องการเอาเป็นขี้ข้าเขา
เหลือความช่องว่างในสังคม ในทุนนิยมสังคมไทย


2. Uncountable lies

สิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหาย... วุ่นวายอยู่ในทุกวันนี้
คือการใส่ร้ายป้ายสี... พูดความจริงที่มีให้กลับกลาย
หรือแค่แกล้งหรือแค่หลอกไม่บอกให้รู้ ความจริงที่มีอยู่ผิดเพี้ยนไป
พยายามบิดเบือนซ่อนเงื่อนงำ แล้วก็นำความระยำมาประจานคน

มันเจ็บปวดทรมานใจทุกครั้ง ที่ได้รับรู้ด้วยตัวเราเอง
มันเจ็บปวดทรมานใจเอง เกินที่จะรับไหว...

You lie, you fucking lie me
ได้โปรด... ซักคนหยุดมันซักที
You lie, you fucking lie me
ได้โปรด... ใครช่วยหยุดมันเสียที

บอกมาเลย.. บอกให้เราเข้าใจ
พูดความจริง.. เรื่องราวมันเป็นยังไง
หยุดอยู่แค่นั้น.. กับสิ่งที่เคยฝังใจ
ฝืนกระทำต่อไป.. มันไม่ใช่เรื่องดี

SoLo: $#$%%^^$#$%$^..~~

มึงบอกว่าใช่.. ใช่แล้วไงใครจะรู้..
ล้างสมองปิดตากู.. หลอกให้เชื่อตามนั้น
ใครจะตัดสิน.. ในเมื่อความจริงไม่ปรากฏ
โป้ปดมดเท็จ.. ติดกับตัวเองไม่มีทางออก....

You lie, you fucking lie me
ได้โปรด... ซักคนหยุดมันซักที
You lie, you fucking lie me
ได้โปรด... ใครช่วยหยุดมันเสียที...


3. ประกาศศักดา คนเหนือคน

ประกาศศักดา คนเหนือคน
สังเวยชีวิตประชาชน
(ผู้คน)ตกเป็นเหยื่อภายใต้ความรุนแรง
(พวก)อยากสำแดง
เพื่อพิสูจน์ความกล้า พวกมึงมันบ้า

เรามองเห็นโลก เน่าสลายไปอย่างช้าๆ...
มวลมนุษย์เห็นการเข่นฆ่าเป็นเรื่องธรรมดาชินชา...
ทำให้ความกลัวในจิตใจไม่มี...
เหลือเพียงความเกลียดชังภายในใจเรา

(ชีวิตแลกชีวิต) เร่มต้นสู่อาชญากรรมอย่างเต็มตัว
(ชีวิตแลกชีวิต) หน้ามืดตามัวไม่กลัวตาย
(ชีวิตแลกชีวิต) สัญญาณเตือนแดนสนธยา
(ชีวิตแลกชีวิต) บทเรียนราคาแพงได้มาหลังความตาย

เรามองเห็นโลก เน่าสลายไปอย่างช้าๆ...
มวลมนุษย์เห็นการเข่นฆ่าเป็นเรื่องธรรมดาชินชา...
ทำให้ความกลัวในจิตใจไม่มี...
เหลือเพียงความเกลียดชังภายในใจเรา

คนมันคลั่ง คนมันใคร่ ให้ทำดี ก็คงจะไม่ใช่
คนมันคลั่ง คนมันใคร่ ทำยังไงให้ดี ก็คงจะไม่ได้
ความใจร้อน ชอบท้าทาย ตายเป็นตาย ไม่สนใจ
บ้าระห่ำ ไฟมันแรง ลุกโชนทวีความรุนแรง

(ชีวิตแลกชีวิต) เมื่อรอบกายกูมีแต่คนบ้า
(ชีวิตแลกชีวิต) สูญเสีย สับสนมา ไม่รู้
(ชีวิตแลกชีวิต) ท่ามกลางสมรภูมิ คนสิ้นคิด
(ชีวิตแลกชีวิต) ปิดฉากชีวิตรายต่อไป...

เรามองเห็นโลก เน่าสลายไปอย่างช้าๆ...
มวลมนุษย์เห็นการเข่นฆ่าเป็นเรื่องธรรมดาชินชา...
ทำให้ความกลัวในจิตใจไม่มี...
เหลือเพียงความเกลียดชัง ภายในใจเรา

SoLo:~~...

วัฒนธรรมไร้ราก... คงเหลือแต่ซากอารยธรรม
ผู้บริสุทธิ์ยังถูกกระทำ มันยิ่งตอกย้ำความเสื่อมโทรม
วัฒนธรรมไร้ราก... คงเหลือแต่ซากอารยธรรม
ผู้บริสุทธิ์ยังถูกกระทำ มันยิ่งตอกย้ำความเสื่อมโทรม

เพราะโดนทำร้าย... จมอยู่กับความกลัว
เพราะโดนทำร้าย... ขมขื่นในความมืดมัว
ไม่เหลือคำความเป็นคน... ติดอยู่ในวังวน ตลอดไป
จองเวร... วนเวียนอยู่ทุกชาติไป

เรามองเห็นโลก เน่าสลายไปอย่างช้าๆ...
มวลมนุษย์เห็นการเข่นฆ่าเป็นเรื่องธรรมดาชินชา...
ทำให้ความกลัวในจิตใจไม่มี...
เหลือเพียงความเกลียดชัง ภายในใจเรา

(ชีวิตแลกชีวิต) ประกาศศักดา คนเหนือคน
(ชีวิตแลกชีวิต) สังเวยชีวิตประชาชน
(ชีวิตแลกชีวิต) ตกเป็นเหยื่อภายใต้ความรุนแรง
(พวก) อยากสำแดงเพื่อพิสูจน์ความกล้า พวกมึงมันบ้า


4. แด่เหล่าสาวกผู้ร่วมศรัทธา

สถาปนาเป็นเจ้าชีวิต สรรเสริญเมืองคนทราม
หลงมัวเมาไม่เอาความ มุ่งสู่นิยามความบรรลัย

มันใช้ร่างบูชายัญ เพื่อรับผิดชอบความรุนแรง
เป็นบ่อเกิดความขัดแย้ง ปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว

(ตั้ง)นโยบายสร้างภาพ เป็นสัญญาฉาบฉวย
หลงอำนาจอยากร่ำรวย แต่ศิลธรรมมันไม่มี
ทุกสิ่งที่มึงทำ มันก็คือความระยำ
รู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังฝืนทำต่อไป
ร้ายล้านเหตุผลที่มี อำนาจอุบาทว์สิ้นดี
พยายามเป็นคนดีที่รู้ทฤษฎี พึงปฏิบัติไม่เป็น

สิ่งที่มึงทำไม่มี... วันเจริญ

คือปีศาจเหล่าปีศาจ ก่อเกิดจากความต้องการ
มุ่งกัดกินจิตวิญญาณ เหล่าสาวกผู้ร่วมศรัทธา
ไม่รู้สำนึกถึงบุญบาป ดำเนินชีวิตแบบคนหยาม
บนหนทางความสิ้นหวัง ไม่เคยระวังไม่ชั่งใจ

โอ้วววว...
เพราะความเป็นคนไม่พอ อยากมีมากมาย..
แม้นม้วยมรณาก็ยอม.. กูจะเอา
โอ้วววว...
เพราะความเป็นคนไม่พอ อยากมีมากมาย..
แม้นม้วยมรณาก็ยอม.. กูจะเอา

ใครจะดีใครจะชั่ว มอมเมามึนมัวมั่วไปหมด
กินกันเข้าไป เสพสิ่งโสมมจนกว่าจะพอใจ
เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ทำชั่วไม่เคยหยุด
ทุจริตไม่ลด นำความอัปยศสู่สังคม

โอ้วววว...
เพราะความเป็นคนไม่พอ อยากมีมากมาย..
แม้นม้วยมรณาก็ยอม.. กูจะเอา

(ตั้ง)นโยบายสร้างภาพ เป็นสัญญาฉาบฉวย
หลงอำนาจอยากร่ำรวย แต่ศิลธรรมมันไม่มี
ทุกสิ่งที่มึงทำ มันก็คือความระยำ
รู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังฝืนทำต่อไป
ร้ายล้านเหตุผลที่มี อำนาจอุบาทว์สิ้นดี
พยายามเป็นคนดีที่รู้ทฤษฎี พึงปฏิบัติไม่เป็น

ยร๊ากกก....

แล้วในวันนี้.. สิ่งสุดท้าย.. ไม่หลงเหลือ.. อะไร..
ความชั่วร้าย... ของคนนั้น... ยังคงอยู่... ต่อไป
ในวันนี้.. สิ่งสุดท้าย.. ไม่หลงเหลือ.. อะไร..
ความชั่วร้าย... ของคนนั้น... ยังคงอยู่... ต่อไป
ในวันนี้.. สิ่งสุดท้าย.. ไม่หลงเหลือ.. อะไร..
ความชั่วร้าย... ของคนนั้น... ยังคงอยู่... ต่อไป...


5. นิมิตกรรม

ภาพในความทรงจำ ย้ำเตือนเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านมา
วันและเวลา ไม่อาจหลีกหนีจากมันไปได้
แม้ยามหลับตา ความน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นยังไม่หายไป
ความโหดร้ายที่คอยหลอกหลอนจิตใจ คงอยู่ในความทรงจำ...

มันเป็นเรื่องบังเอิน หรือว่านี่ก็คือโชค ชะตา...
ความตายรออยู่เบื้องหน้าทุกนาที ทุกเวลา

หากว่าเรารอช้า เดี๋ยวมันไม่ทันการ
ความตาย พวกมัน กำลังคืบคลานเข้ามา

เมื่อความมืดมิด...
กำลังคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง
ที่สุดของความสยดสยอง
เมื่อไม่มีใครรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร

Riff:%#$$#(~~

และไม่มีใคร... รอดพ้นเงื้อมมือมัน...
เปิดทาง สู่ประตู นรกที่ไร้ปราณี
เราปีนป่ายขึ้นมาจากขุมนรกอเวจี
หายนะ แห่งนี้ ถอยกลับไปไม่ได้
เปิดฉากแห่งการต่อสู้ เพื่อเอาตัวให้รอด
โลกใบนี้คือสังเวียน เขียดเขียนในสิ่งที่เป็น

อย่าปิดซ่อนตัวเองจากความกลัว
แสดงตัวว่าเข้มแข็งไม่เป็นไร
บังคับจิดใจให้ลุกขึ้นสู้
ปลุกความกล้าหาญที่มีอยู่ออกมา

Riff:%#$$#(~~

เมื่อความมืดมิด...
กำลังคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง
ที่สุดของความสยดสยอง
เมื่อไม่มีใครรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร

มันเป็นเรื่องบังเอิน หรือว่านี่ก็คืโชค ชะตา
ความตายรออยู่เบื้องหน้าทุกนาที ทุกเวลา

หากว่าเรารอช้า เดี๋ยวมันไม่ทันการ
ความตาย พวกมัน กำลัง คืบคลานเข้ามา


6. Resist to Exist (Instrumental)

     เป็นดนตรีพักเหนื่อยของนักดนตรีหนะ ไม่มีคนร้อง สงสัยนักร้องจะมีเสลดติดคอ เพราะร้องมาทั้ง 5 เพลงแล้ว แคว๊กๆ โอว๊กๆ~~ ร้องยังไงเสลดก็ไม่ยอมพุ่งออกมาเลย
     มือกลองก็นั่งตีกลองจนปวดดากไปหมด เพราะว่าเกร็ง ตีเร็วมาก จึงพักลงบ้างอะไรบ้าง
พอให้นักร้องเข้าห้องน้ำล้วงคอมาร้องต่อใหม่

     มือเบส มือกีต้าร์ก็ พักข้อมือ นั่งมองหน้ากัน ทำตัว ชิวๆ สยายๆ แต่ช่วง ดนตรีบรรเลงเฉยๆ นี่ก็ใช่ว่าจะชิวๆ เพราะช่วงนาทีที่ 1.23 กว่าๆ นักร้องรีบผุดออกจากห้องน้ำพร้อมให้สัญญาณว่า กูพร้อมที่จะร้องเพลงต่อไปแล้วเว้ย!.. แต่ขอไปจิบเหล้าขาวล้างคอ ซักเป๊กก่อนนะ~~

     นักดนตรีเห็นท่าทีอย่างนั้น ก็เริ่ม อุ่นเครื่อง บรรเลงเพลง Intro ของเพลงต่อไป รอเลย พลังของมือกลอกจากปวดดากก็เริ่มหายไป จัดการกระทืบกระเดื่องเบาๆ ตุบๆ เคาะสแนร์ ตึกโป๊ะๆ มือก็ต้าก็เริ่มริฟกีต้าร์ เพื่อเป็นบริหารข้อมือ งึกๆๆ..  แล้วมือกีต้าอีกตัวก็อาศัยจังหวะนี้ ขอโซโล่กีต้าร์แบบคู่ 8 พอเป็นเมโลดี้ งิ้วๆ~~

หลังจากนั้น ท่านก็จะพร้อมที่จะฟังเพลงถัดไปได้แล้ว


7. ความกลัวความกล้า เผชิญหน้าความตาย

ความกลัวความกล้า เมื่อเราเผชิญหน้ากับความตาย
ความกลัวทำให้เราต้องพ่าย สิ่งร้ายมุ่งหมายมาผลาญ
จงเตือนตัวเอง ให้ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ
จะทำให้เราได้รู้จักตัวเอง ว่าเข้มแข็งเพียงใด

ชีวิตไม่ได้มีทางออก อยู่ทางเดียว
อย่าปล่อยให้เวลานับถอยหลัง เฝ้ารอความตาย
เพราะความกล้า ในมายา ถูกแปดป้าย
เติมแต่งแต้มสีให้หม่นมัว เหลือไว้ซึ่งความกลัวน่าสะอิดสะเอียน

เปลือกนอก(เปลือกนอก) ที่ได้เห็นนั้นเป็นสิ่งปลอม
แต่ภายในใจ(ภายในใจ) ของเรานั้นที่เป็นจริง

การดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า จะเป็นมายาหรือว่าตัวจริง
จะได้เรียนรู้หรือสูญเสียอะไร
คำตอบยังคงไว้ในเบื้องหลังแห่งความตาย

(ซ้ำทั้งหมด 1 รอบ)


8. อสูรสลาย

มนุษย์พิสดารอาตารเป็นผู้วิเศษ สำแดงเดช วิปริตกฏหมายอาจเอาผิดไม่ได้
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บ้าบอพร้อมคำสรรเสริญเยินยอ ลุ่มหลงงมงาย

ไอ้พวกวิเศษมากบารมี... สันดานชาติทรพี...
อ้างว่าทำชั่วแล้วได้ดี... ทำดีได้ดีนั้นไม่มี...

ใส่ไฟใส่ความ ให้วุ่นวาย วอดวาย เรามองเห็นซากศพผู้ตาย
เน่าเปื่อยสูญสลายอยู่รอบกาย
ผู้เคราะห์ร้าย ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง
สงครามการเปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตย สู่อธิปไตย เพื่อใคร

ไม่มีการเตือน ไม่พึงระวัง กลายเป็นนักรบที่ถูกฝัง
ในการประหารหมู่ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
จากความวุ่นวาย วอดวาย
สมุนพลีกาย เจ้านายยิ่งใหญ่ ในชาติใหม่(ไอ้เหี้ย)

ไอ้พวกชั่วช้า ตัดแขนขา ฆ่าข่มขืน
เด็กไร้เดียงสา ถูกยิงด้วยปืน ล้มทั้งยืน
ความสิ้นคิด ที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต
หลงผิด คิดว่านี่จะถูกพิจารณา

เป็นอมตะอยู่เหนือกาลเวลา.. ทูตแห่งความตายไม่มีวันเจรจา..
สุดท้ายแล้วต้องกลับมา.. ถูกพิพากษาลงทัณฑ์!

อัปลักษณ์ใจทราม โหยหาความรุนแรง ชนะด้วยอาวุธ สิ้นสุดด้วยความแค้น
ปลุกระดมมวลชน เป็นโล่มนุษย์ป้องกันตน
ใช้ชีวิตหรูหรา อย่างคนใจหมา หน้าตัวเมีย!!

มนุษย์พิสดาร อาตารเป็นผู้วิเศษ
สำแดงเดช วิปริต กฏหมายอาจเอาผิดไม่ได้
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บ้าบอ พร้อมคำสรรเสริญเยินยอ ลุ่มหลงงมงาย

ไอ้พวกวิเศษมากบารมี... สันดานชาติทรพี...
อ้างว่าทำชั่วแล้วได้ดี... ทำดีได้ดีนั้นไม่มี...
ปลูกฝังความชั่วร้าย... คลอบคลุมไปทั่วร่างกาย...

สัมปทานซาตาน... สันดานวิตถารชั่วลูกหลาน.. .
ฆาตกร ฆาตกรรม ทำไม่คิด.. เพียงความพึงพอใจในชีวิต..
อสูรสลาย... ไว้ใจใครไม่ได้ซักคน!

สัตว์เดรัจฉาน... แฝงกายอยู่ในรัฐบาล... ปราศจากศักดิ์ศรี...
มีแต่ความเกลียดชัง ไร้ซึ่งความชอบธรรม ยุติธรรม
บ้านเมืองมีปัญหา... ไร้ปัญญาแก้ไข... นโยบายสิ้นคิดชีวิตบรรลัย
มากบารมี.. สั่งสมความดี.. ในวิถีแห่งโจร...

อย่าหลงศรัทธาสัปดน.. คงอยู่ในวิถีทางแห่งความเป็นคน..
ค้นหาความยุติธรรม.. อย่าหลงคำลวงจนตัวตาย..

มนุษย์พิสดารอาตารเป็นผู้วิเศษ สำแดงเดช วิปริตกฏหมายอาจเอาผิดไม่ได้
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บ้าบอพร้อมคำสรรเสริญเยินยอ ลุ่มหลงงมงาย...

เสียงกรีดร้องของผู้บริสุทธิ์ความทุกข์ยากทรมาน
และความสิ้นหวังในวิญญาณไม่สิ้นสุด
ได้ยินไหม ความปวดร้าวฝังอยู่ในกายใจ
ยอมจำนวนในสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป(เพราะใคร)

ไว้เนื้อเชื่อใจ... รู้หน้าไม่รู้ใจ... สุดท้ายไม่เหลืออะไร... ได้ตรอมใจตาย!


9. บาปคอรัปชั่น

เริ่มต้นภายใต้อำนาจเผด็จการ ของเจ้านายรัฐบาล
ที่ว่าชอบธรรม ข้าชอบทำ
เมืองโลกีย์ข้าเป็นผู้ครอง แม้ไม่ตามครรลอง
แต่ข้าชอบธรรม ข้าชอบทำ

ในความโง่เขลา... ที่เราไว้วางใจ...
มอบอำนาจให้ไป... มันกินจนไม่เหลืออะไร....
สินจ้างจากโจรชั่ว ใช้เป็นใบเบิกทาง..

ลุ่มสลายขายวิญญาณสิ้นเนื้อประดาตัว
ขอรับชอบ คอรัปชั่น ขอรับท่าน เผ่าพันธุ์ชั่ว
เลวระยำ รู้ว่าผิดแล้วยังคิดจะทำ เวียนว่ายตายเกิด
ก่อกำเนิดเกิดเป็นวิบากกรรม
เลวระยำ คนทำดี ไม่มีใครใส่ใจ

แค่ทำชุ่ยๆ ขอไปที โกงกินกอบโกย เดี๋ยวก็ได้ดี
ปากบอกว่าให้ แต่ใจก็จะเอา
กูจะกิน กูจะเอา กูจะเผาบ้านเผาเมืองหมดความรุ่งเรืองให้สิ้นไป

เริ่มต้นภายใต้อำนาจเผด็จการ ของเจ้านายรัฐบาล
ที่ว่าชอบธรรม ข้าชอบทำ
เมืองโลกีย์ข้าเป็นผู้ครอง แม้ไม่ตามครรลอง
แต่ข้าชอบธรรม ข้าชอบทำ

ในความโง่เขลา... ที่เราไว้วางใจ...
มอบอำนาจให้ไป... มันกินจนไม่เหลืออะไร...

บริหารบ้านเมืองโดยไม่มีหลักการ
หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
ร่ำรวยเป็นเอกนิษฐ์ไม่คิดทำอะไร
ความรู้มหาศาลแต่สันดานเลวเข้าใส้

วิทยาศาสคร์แสนเลิศล้ำ แต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
บูชาคุณสูงสุด แต่ไม่มีความ..เสียสละ
ประชานิยมขึ้นบังหน้า ย่ำยีศรัทธา มหาชน
มึงมันคนไร้ค่า น่าเวทนา น่าสมเพช

ในความโง่เขลา... ที่เราไว้วางใจ...
มอบอำนาจให้ไป... มันกินจนไม่เหลืออะไร...


###################################################

เอาหละ เพลงทั้ง 9 เพลงในในอัลบั้มนี้
โดยรวม ถือว่าใช้ได้ เดือด ระห่ำดี มี 10 ดาว ให้ได้ 7

    มันติดอยู่ที่ถ้าทำเพลงแนวๆ นี้ ก็ต้องระวัง ถ้าให้คนฟังแบบผ่านๆ ทั้งอัลบั้ม มันจะคิดว่า เอ๊ะ! เหมือนเพลงเดียวกันทั้งหมดเลย(ริฟเดิมๆ พาร์ทเดิมๆ แต่เปลี่ยนคอร์ด)
    ในเมื่อทั้งกลองทั้งกีต้าร์ ยังหาเมโลดี้ไม่ค่อยได้ แต่ใช่ว่าจะหาไม่เจอ ถ้าฟังดีๆ ดนตรีมันต่างกันทุกเพลงเลย ซ้ำยังมีกลิ่นดนตรีของ Trash Metal ด้วย(ไม่รู้ว่ากูคิดไปเองป่าวนะ)
     แล้วก็คิดว่า เพลงบรรเลงตรงช่วงกลางที่ได้ อธิบายแบบ เกรียนๆ ไปแล้วนั้น คิดว่าน่าจะเอามาใส่ แก้ไขในจุดนี้ได้ในระดับหนึ่ง

      ในส่วนเนื้อหาเพลง ถ้าคุณได้อ่านมาทั้งหมด ใช่ว่าจะเกี่ยวกับการเมืองทั้งสิ้น อย่างเพลงที่ 5,7 นั้นก็แทบจะไม่มีเกี่ยวกับการเมือง จะเน้นเรื่องความตาย ซะเยอะกว่า

       น่าเสียดาย ที่หาฟังอัลบั้ม 1-2 ยังไม่มีสะสม ได้แต่หาฟังตาม Youtube  จึงไม่ได้เปรียบเทียบเรื่องการอัดเสียง การพัฒนาของเพลง และนักดนตรี แต่ละชุดว่ามันต่างกันยังไง
        อ้อ.... อีกอย่างหนึ่ง ยังไม่เคยดูวงนี้เล่นสดเลย ถ้าใครได้ไปดูท่าทางจะมันส์เลือดสาด เพราะว่า อยู่มาถึงจนทำอัลบั้ม 3 แล้ว  แสดงว่า เก๋าแท้ๆ สำหรับดนตรี Underground

พอพูดถึงเรื่องเล่นสด ก็เลยนึกถึงคะแนนที่ให้ 7 ดาว จากเต็ม 10
        สาเหตุที่ตัดคะแนนออกคือ แพคเก็ท CD, ถึงแม้ว่าหน้าปก ที่เห็นเหลืองๆ สะท้อนแสงนั้นคือลายเซ็นต์นักดนตรี ไม่ใช่ที่เขาลองปากกา สีเมจิก ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ดีไม่เป็นไร แตกต่างดี ซึ่งเป็น แผ่นเลียเม็ดแตด เอ้ย! Limited
         แต่พอคลี่ออกมาดู งานด้านใน ทำได้ออกมาดาษดื่นมาก คล้ายงาน ปริ้นด้วย เครื่องอิ้งค์เจ็ท กากๆ ยังไงอย่างนั้น
        เนื้อร้องข้างใน พิมพ์ตก เนื้อร้องหายไปเป็นท่อน การวางสลับท่อนฮุคผิด ท่อนที่มีซ้ำ ก็ใส่ * บ้างไม่ใส่บ้าง แล้วทีนี้ เวลาเล่นสด คนจะไปดูไปร้องตามได้ยังไง ที่เห็นผมใส่เนื้อร้องข้างบนนั้น ทั้ง 8-9 เพลง ต้องแก้ต้องเรียงให้ใหม่
        ท่อนที่หายไปก็พยายามพลิกดูทั้งกระดาษเนื้อร้องก็ไม่เจอ ก็แกะพอที่จะแกะได้ ไม่เข้าใจว่าคนที่ออกแบบ ได้ไปขอเอาเนื้อร้องจากคนแต่งเพลงมาใส่ หรือเปล่า หรือฟังๆ แล้วแกะเนื้อร้องตามก็ไม่รู้  แต่งานเพลงด้านในก็ งานดีใช้ได้ ระอุ เดือดดี

         ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมยกให้กลอง ของอัลบั้มนี้เป็นพระเอก  อัลบั้มนี้ Mix เสียงให้ได้เสียงร้องเท่ากับเสียงดนตรีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะที่ฟังๆ แล้ว เสียงคนร้องไม่ค่อยพุ่งออกจากดนตรี ซักเท่าไหร่ เลยทำให้กลองโดดเด่นขึ้นมามั้ง

         น่านนนน ไง!!... เผลอแสดงความคิดเห็นลงไปนิดหน่อยเลย(หรือเปล่า) มันคันปากยิกๆๆ เหมือนคันหำจากเชื้อรากางเกงใน ที่สวมใส่มาทั้งอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ซัก

เอาวะ!! Review แม่งเลยละกัน รายเพลงไปเลย

1.ทุนนิยม ทุกข์นิยม
    จะไม่ค่อยอธิบายเนื้อหาของมันนัก เนื่องจาก เลื่อนขึ้นไปด้านบน มันมีเนื้อเพลงแล้ว
แต่ยังไงก็ขอพูดสักนิด เพลงนี้แหละ ท่อนสุดท้ายหายไปจากในเนื้อเพลงใน CD
เป็นท่อนสุดท้าย ที่พยายามแกะเนื้อร้องออกมาได้ว่า

"มันได้ทุกสิ่งไปจากเรา ต้องการเอาเป็นขี้ข้าเขา
เหลือความช่องว่างในสังคม ในทุนนิยมสังคมไทย"

คงไม่ถูกต้อง 100% หรอกแต่ก็ช่างมัน ภาคดนตรี เสียงร้อง เนื้อหาดุเดือดอยู่แล้ว
ผิดท่อน สองท่อนคงไม่เป็นไรมั้ง

     ดนตรีในเพลงนี้ขึ้น Intro มาทำให้นึกถึง Intro เพลงของวง Testament อัลบั้ม Formation of Damnation เพลง For The Glory Of...
      ถึงแม้ ดนตรีมันไม่เหมือนกัน แต่มัน ทำให้รู้สึกคล้ายนะ ไม่ใช่ก็อป
แต่ของ Testament ทำแยกออกมา ดนตรีก็ยาวกว่า แต่ของ In vein สั้นกว่า แล้วรวมไปกับเพลงเลย

     ไม่รู้สิ! เพลงในโลกนี้อาจจะทำเพลงในลักษณะ ทำนองนี้อยู่ถมเถ ก็ได้

     แต่พอจบ Intro เนี่ยสิ เสียงสำรอกแบบ Death Metal ขึ้นมาก่อนเลย "ทุนนิยม คือ ทุกข์นิยม!..."
หลังจากนั้น มือกลอง ก็ไม่ได้อินังขังขอบ อะไร สับกลองเร็วปั๊วๆๆๆ รัวปาน M-16 เสียงร้องคนก็ร้องยังกับหมาเห่าโจรผู้ร้าย

2.Uncountable lies
     ชื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษครับ(หึหึ กูจะบอกมึงทำไมวะ ใครๆ ก็รู้) แต่เนื้อในเป็นภาษาไทย แต่ปนภาษาต่างชาติมานิดๆ
เพลงนี้แหละ เนื้อร้องใน CD วางท่อนฮุค ผิด

      คำว่า "You lie, you fucking lie me" ท่อนนี้แหละ รีบไป เอาไววางสลับกับท่อน "มันเจ็บปวดทรมานใจทุกครั้ง ที่ได้รับรู้ด้วยตัวเราเอง"
เราก็ฟังไป ดูเนื้อหาไป ก็เลยคิดว่า บ๊ะ นอกจากมึงจะร้องเร็วแล้วอยู่แล้ว มันจะเร็ว จนกูฟังไม่ทันเลยหรอวะ มันว้าป~~ ไปเลยหรอ...

จริงๆ แล้วก็ ถึงบางอ้อ ว่า มึงวางเนื้อสลับที่กันนี่เอง

     ดนตรีเพลงนี้ ริฟกีต้าร์คล้ายๆ เพลงแรก หวะ แต่จะต่างตรงเพลงนี้มีท่อนโซโล่ ร้องเพลงก็เร็ว กลองก็เร็ว โซโล่กีต้าร์ก็เร็วอีกแหนะ! ฝนตกจะรีบไปเก็บผ้าเข้าร่มหรือยังไง

3.ประกาศศักดา คนเหนือคน
    เพลงนี้เป็นพระเอก ของอัลบั้มนี้เลย เพราะเป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้มนี้
เอามาเปิดล่อใจ ให้เหล่าสาวก ที่ชอบเสพเพลง Metal ได้สั่งเพื่อ Pre-Order
ถ้าใครซื้อมา เปิดอ่านเนื้อร้องข้างใน CD แล้วงง ก็อ่านที่ผมพยายามเรียงมันใหม่ข้างบนละกัน
มันจะมีท่อนซ้ำ ที่ใช้คำไม่เหมือนกันอยู่ เล็กๆ น้อยๆ

    ในส่วนของดนตรี นี้ เดือดใช้ได้เลยครับ ระห่ำดี เสียงร้องก็คลั่งได้ใจ เสียงยังกับคนบ้ากำลังกินไก่ตัวเป็นๆ ร้องกระต๊ากๆ 5555+
ริฟกีต้าร์ ทำนอง มันให้ความรู้สึกต่างจาก 2 เพลงแรกเลย จึงทำให้รู้สึกว่า เป็นคนละเพลงกันจริงๆ
   
4.แด่เหล่าสาวกผู้ร่วมศรัทธา
    เพลงนี้ในดนตรี ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรถ ก็เหมือนเครื่องยนต์รอบจัด ที่เดินเครื่องมาร้อนเต็มที่ ความยาวเพลง 5 นาที

มันสามารถทำให้เราฟังเพลินจนลืมไปเลยว่า เนื้อหามันยาวเป็นกิโล ทำไมมันจบเร็วจัง

    ทำนองของเพลงนี้ชัดเจนมาก แตกต่างกับเพลงอื่น ไม่เหมือนเดิม ไม่ซ้ำๆ มีท่อนเร็วและท่อนช้าด้วย มี Sound หลอนนิดๆ นิดเดียวนะ 555+
    สัมผัสถึงดนตรีแห่งความตายได้กลมกล่อมมาก กูชอบหวะเพลงนี้ ใช่ว่ามันจะอัดเอาระห่ำอย่างเดียว มันยังมีเมโลดี้ อยู่

5.นิมิตกรรม
   ดนตรีกลับเข้าโหมดระห่ำ เหมือนเดิม แต่ก็ยังคงมีเมโลดี้ แซมๆ มาให้ฟังอยู่ ฟังแล้วอาจจะคล้ายๆ เพลงที่แล้ว เพียงแต่อัดระห่ำขึ้น ริฟกีต้าร์ได้ยินโด่งมาก่อน เป็นพระเอกเลยเพลงนี้ ได้ยินชัดทั้งเพลง กลองเป็นพระรอง

   หรือมันอาจจะตีกลองเร็วรัวๆ ปาน M-16 อยู่นิจศีล จึงทำให้เรารู้สึกชิน กับเสียงกลองไปแล้ว
   เนื้อหา เนื้อร้อง ของเพลงก็อยู่ข้างบนเลื่อนขึ้นไปนะ แต่ถ้าคุณซื้อแผ่นมาเหมือนกัน อ่านเอาจากในแผ่น CD เพลงนี้ก็มี ตำหนินิดหน่อย
คือท่อนซ้ำ * เขาจะใส่มาไม่ครบ บางท่อนใส่ บางท่อนไม่ได้ใส่ ถ้างง ก็อ่านเอาที่ทำไว้ใน Blog นี้ละกัน

6.Resist to Exist (Instrumental)
     อันนี้เพลงบรรเลงเว้ยเห้ย ซึ่งได้อธิบายแบบ เกรียนๆ เท่ห์ๆ ไปแล้วช่วงต้นโน้น... ช่วงนี้จะอธิบายถึงภาคดนตรี กันเลย

     ดนตรี ตั้งแต่เริ่มเข้าเพลงนี้ ให้บรรยากาศ เหมือนเพลงที่ผ่านมา มันเผาผลาญ สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน ศพมนุษย์ และอื่นๆ ทิ้งไว้ให้ร้างทั้งเมือง ยังกับป่าช้า ให้คงเหลือแต่ควัญไฟ ที่พวยพุ่งลุกโชน บ้างก็เป็นไฟที่รับหรี่ไกล้จะดับ ตามจุดต่างๆ
ที่ผลาญ ทุกอย่างจนดำเป็นตอตะโกที่ แล้วส่งกลิ่นเหม็น (กูอธิบายเวอร์ไปป่าว วะ)

      ดนตรีบรรเลงช่วงตอนต้นน่าจะบรรเลงด้วยพวก ไวโอลิน เปียนโน ฟังแล้วมันชวนให้นึกเห็นภาพตามที่อธิบายไว้แล้วนั่นแหละ ช่วงกลางๆ เพลงก็จะเป็นการเริ่ม Intro เพลงต่อไป ดนตรีก็ นวดๆ สบายๆ ตึกโป๊ะตึกๆๆ... ไปจนจบ 3 นาที

7.ความกลัวความกล้า เผชิญหน้าความตาย
     ดนตรีก็สืบเนื่องมาจากท่อนกลางของเพลงที่แล้ว ฟังแล้วรู้สึกเพลินดี
กูคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวเพลงหนึ่งเลย(เพลงที่ดีคือเพลงที่ชอบ)

     ฟังแล้วรู้สึกหอมกรุ่นของกลิ่นความตายของดนตรี Death Metal โชยมาเป็นอย่างดี
ดนตรีไม่บ้าระห่ำเท่าไหร่ ลงตัวพอดี มันดุเดือด แล้วก็มีช่วงผ่อนคลายไปในตัว มีท่อนโซโล่ด้วย
ฟังได้ใจความของเมโลดี้ ที่ติดหู แต่ไม่ติดหี~~...

8.อสูรสลาย
    เพลงนี้ดูจากเนื้อร้องข้างบนแล้ว ยาวเป็นไมล์ เจ้าพ่อแร๊บอย่างโจอี้บอยก็ต้องตกใจ
เพลงยาวซะขนาดนี้ ร้องได้แค่ 4 นาที แถมเนื้อร้องยังร่ายรำอารัมภบท ไปเรื่อยๆ แล้วก็กลับมาท่อนซ้ำอีก
ผมยังนึกแปลกใจไปไม่ได้เลย ร้องท่อนหนึ่ง เหมือนอ้าปากอยู่งับเดียว แต่ร้องจบท่อนละ

    บ๊ะ เร็วแท้... มาพูดถึงเรื่องดนตรีกันดีกว่า ดุ เดือด เลือดสาด เร็วทั้งคนร้อง และดนตรี จนนึกอยากดูเวลาเล่นสด ว่าคนร้องจะไปได้กี่น้ำ
4 นาทีก็เหนี่อยเหมือนกันนะถ้าจะร้องอย่างนี้ ส่วนมือกลองไม่ต้องไปสนใจอะไรมันมาก มันคงอัดยาบ้ามา หรือไม่ก็ เย็ดโคตรเก่งมาก อึดชิบหาย..
     แต่ถึงยังไง ก็ยังคงไม่ทิ้งเมโลดี้ ยังมีเมโลดี้ พอให้ฟังอยู่ มีช่วงจะหวะผ่อนคลายของดนตรีระหว่างกลางๆ เพลง อยู่นิดหนึ่ง(นิดหนึ่งท่านั้น) แต่ไม่มีท่อนโซโล่ มีแต่ริฟกีต้าร์ตลอดทั้งเพลง
    จะว่าไปแล้ว 4 นาทีนานไหม? ส่วนตัวคิดว่า นานสำหรับเพลงทั่วไป แต่เร็วมากสำหรับเนื้อร้องที่ยาวอย่างนี้

     แต่..... พอมาฟังเข้าจริงๆ จะรู้สึกว่า เวลามันเดินเร็วผิดปกติ นึกว่าเพลงเล่นอยู่ 2 นาที ฟังๆอยู่ ก็ อ้าวเห้ย! เพลงจบแล้วหรอ
 
9.บาปคอรัปชั่น
     เพลงนี้ไม่รู้กูคิดไปเองป่าวนะ ดนตรีมันเหมือนมีกลิ่นของ แตด เอ๊ย! Thrash เป็น Thrash/Death Metal
แต่มันจะหนักไปทาง Death มากกว่า แต่ตอนช่วง Intro เกือบจะหลงว่ามันออกไปทาง Black ซะอีก
       พอฟังให้จบ โดยรวมแล้ว เป็นเพลงที่ที่ชอบเพลงหนึ่งเหมือนกัน ทำออกมาดี มีเมโลดี้ จังหวะกระชับ แน่น ฟิต เสียว โยกได้ โคตรมันส์อะ ผมกำลังอธิบายเกี่ยวกับเพลงนะครับ อย่าพึ่งคิดไกล
       คือฟังๆ แล้วมันมีจะหวะที่ร้องช้าด้วย เร็วด้วย ทำให้นึกถึง วง Dezember ขึ้นมาเลย เนื้อหาข้างในเพลงก็ยังคล้ายๆ กันนิดหน่อย น่าจะเป็นเพลงภาคต่อของเพลง ความชอบธรรมหรือความชอบทำ
เพียงแต่ดนตรีของ Dezember เป็นดนตรีโปรเกรสซีฟ ซะมากกว่า
        เอาหละโดยรวม ทั้งหมดในเรื่องของงานเพลงถือว่า เป็น Death Metal ไทย ที่แซบนัว อร่อยดี
เวลารวมๆ ทั้งหมดอยู่ที่ 30 นาที แต่ฟังแล้วเหมือนผ่านไปแค่ 10 นาที จนทำให้รู้สึกว่า เห้ย!.. ฟังหมดแผ่นแล้วหรอเนี่ย เครื่องไม่ได้ข้าม Track มาอันสุดท้ายใช่ไหม... กำลังเพลิน


    แต่ถึงอย่างไรซะ ทั้งหมดที่ได้ร่ายอะไรมาจนขนาดนี้ ก็ไม่ได้เขียนให้มันเป็นเพื่อมาตราฐาน
ไม่ได้เขียนให้มึงมาเชื่อ ไม่ได้เขียนเพื่อให้สาระ แต่มึงก็อ่าน เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอยู่ 555+
จงใช้วิจารณญาณ.... จงไปหามันมาฟังด้วยรูหูของตัวมึงเองเสียเถิด....

สวัสดี ประชาชน ผู้รักประชาธิปตวย และ บรรดาพวกหัว"..." ทั้งหลาย~~
...

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เกมส์ Sex Breaker

Sex Breaker

       เอาหละเปิดหัวข้อ ชื่อเกมส์ก็น่าเล่นแล้ว เกมส์นี้ท่านผู้อ่านคงไม่สนใจอะไรมาก หากผมจะพล่ามอะไรให้ยืดเยื้อ อ่านแล้วก็เสียเวลา วิธีเล่น กดมั่วๆ ไป ก็เสียวได้

       แล้ว สาเหตุอะไรเล่า ถึงได้เอามาแปะที่หน้าเว็บนี้หละเนี่ย นั่นก็เพราะว่า กูบังเอินกดไปเจอเกมส์นี้เข้า ก็เลยนึกถึงวันวานสมัยเรียน ว่า เอ๊ะ!! เกมนี้มันคุ้นๆ หวะ

       ซึ่งมันทำให้กูแว้บบบบ เห็นภาพตอนที่อาจารย์กำลังสอน วิชาคอมพิวเตอร์ อย่างตั้งอกตั้งใจ แต่กูกลับนั่งเล่นเกมส์นี้ จนจบคาบ

       เล่นจนติดงอมแงมเลยก็ว่าได้ 555+ เล่นจนหำเปียก เล่นจนเครียด อาจารย์สอนคงจะนึกว่า กูตั้งใจเรียนอยู่หนะสิ เอ้า กดเข้าไปเล่นกันเลย แนะนำว่าให้เปิดเสียงดังๆ เพื่อความสะใจ





                            มันเป็นเกมส์ที่ ผู้ใหญ่เล่นได้ เด็กๆก็เล่นดี  จริงๆ นะโว้ย!!~~...
...

อ่านต่อ...

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ชุด คืนชีพ(The Return of Sherlock Holmes)


เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ชุด คืนชีพ(The Return of Sherlock Holmes)


         มหากาพย์ นิยายสืบสวนเล่มนี้ เป็นเล่มที่แฟนๆ เรียกร้องให้กลับมา ตามที่ผมหาข้อมูลมาเท่านี้อะนะ
         คือว่า นิยายเรื่องนี้มันควรจะจบไปตั้งแต่เล่ม เรื่องสั้น ชุด จดหมายเหตุแล้ว โดยผู้เขียน เซอร์อาร์เทอร์ โคแนน ดอยล์ ทำให้โฮล์มส์ ตกหน้าผาตายซะให้มันสิ้นเรื่อง จะได้จบๆ ไป เพราะว่าตัวเขาเองที่เขียนมา คงไม่คิดว่ามันจะโด่งดังอะไรเพียงนี้ 

         ถึงขั้นกับว่า ผู้คนเขียนจดหมายมาหา โฮล์มส์  ที่บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ จริงๆ
แล้วพอเขียนถึงการตาย ก็มีคนยังเอา ดอกไม้ ไปวางที่หน้าหอพัก ไว้อาลัยจริงๆ อีกต่าก โอ้วว!! คักขนาด

         แต่ที่จะกล่าวถึงนิยายในชุดนี้ เป็นการกลับมาของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ยอดนักสืบ
จะกอปร ไปด้วยเรื่องสั้น 13 ตอน มีดังต่อไปนี้

ตอนที่ 1. บ้านร้าง
      เอาหละสิ... บ้านร้าง ชื่อตอนบอกมาอย่างนี้แล้ว เชอร์ล็อก โฮล์มส์ จะโผล่มายังไงวะ ในใจแรกๆ ก็คิดว่า โฮล์มส์ อาจจะปลอมตัว เปิดร้านขายลาบ ขายหมูปิ้ง ใต้เพิงหมาแหงน ที่ใดที่หนึงซักที่ก็ได้ แล้ว วัตสัน เพื่อนรัก บังเอิน ไปกินก้อยเนื้อ เลยเจอกัน
   
       แต่นั่นมันเป็นการอนุมานโง่ๆ ของผมเท่านั้น  อะไรที่จะทำให้คุณพ่อพระเอก ปรากฏตัวออกมาได้อย่างไม่ขะเขิน แล้วก็ดูเป็นธรรมชาติ ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ เหมือนจะเป็นการแก้ข้อความที่ตัวเอง เคยเขียนไว้ ให้ โฮล์มส์ ตกเหวตาย(ห่า)  แล้วกลับมา อย่างมีสมเหตุสมผล นั้นหละก็ ก็ต้องหนีไม่พ้น เรื่องราวของคดี "ฆาตกรรม" เท่านั้น
     
      ในตอนนี้เนื้อเรื่องจะมีอยู่ว่า จะมีคดี ฆาตกรรมในห้องปิดตาย สภาพศพ เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน โดนลูกปืนเจาะทางขมับ คล้ายการฆ่าตัวตาย แต่ ไม่พบปืนในที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการปีนหน้าต่าง อีกทั้งที่เกิดเหตุอยู่ห้องชั้น 2 เป็นที่สูง ยากต่อการป่ายปีน พื้นหญ้า ไม่มีร่องรอยของเท้าคนเลย
     
      แต่ทำไมหรือสาเหตุใดที่ วัตสัน เข้าไปอยู่ในเหตุการ หรือมีส่วนในการคลี่คลายคดี นั้นก็ไม่ทราบ
เพราะ โฮล์มส์ ยังไม่ปรากกฏตัวเลย เขาเป็นหมอ จะไปเดินดูคนตายทำไมกัน แล้วก็ไม่ได้เป็นผู้ ชันสูตร พลิกศพ ซะหน่อย   แต่ก็เป็นผู้อธิบายในเหตุการนั้น เป็นการไปด้วยตัวคนเดียว คล้ายพฤติกรรมของนักสืบ หรือเป็น ไทยมุง ก็ไม่รู้ได้
   
      แต่ในระหว่างนั้นเอง เขาได้พบกับ ชายชรา หลังคุ้ม จอนหูอันขาวโพลน อยู่แถวที่เกิดเหตุนั้นโดยที่เขาไม่ทราบเลยว่าเป็น โฮล์มส์ เองนั่นแหละปลอมตัวอยู่

      และแล้วตาแก่ หลังงุ้มนั้นก็ไปหา วัตสัน ที่ทำงานเองเลย แล้วก็อธิบายเหตุการ ต่างๆ นานา ว่ารอดมาได้ยังไง  ระหว่างนั้นทำอะไรอยู่หลายปี(หาอ่านเอง 555+) ซึ่งหลังจากได้อธิบาย กันอย่างยืดยาว คล้ายกับการแก้ตัวของคนเขียนนิยายก็ปานนั้นก็ได้ เพื่อหาเหตุผลมากลบกลื่นร่องรอยของการตายของตัวเองว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

    หลังจากคุยกันเป็นที่เรียบร้อย โฮล์มส์ ก็พา วัตสันต์ ไปที่บ้านร้าง(เข้าเรื่องชื่อตอน ของเรื่องซะที)  ตรงข้ามบ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ที่ตัวเองอาศัยอยู่ โดยซุ่มมอง จากตรงนั้น จะเห็นหุ่น โฮล์มส์ ทำไว้ คล้ายคนจริงๆ ขยับไปมา โอ้วว!! วัตสันต์แปลกใจใหญ่เลย ตกใจราวกับว่า ไม่เคยผ่านมาทางนั้นเลย ตั้งแต่ โฮล์มส์ ตาย(ห่าเอ้ย)
    ..... สุดท้าย ทำไม โฮล์มส์ ถึงไปซุ่มดูหุ่นตัวเองตรงนั้น แล้วคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายจะเป็นอย่างไร เกี่ยวกันยังไงกับ บ้านร้าง  โฮล์มส์ กับ วัตสัน คงไม่ได้เข้าไปล้วงกบ ปั่นปลาชะโด กันแน่ๆ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!!!...


ตอนที่ 2. ช่างก่อสร้างเจ้าเล่ห์
       "ในเวลาที่ข้าพเจ้าพูดถึงนี้ โฮล์มส์ได้กลับมาแล้วเป็นเวลาหลายเดือน ส่วนข้าพเจ้า โดยการขอร้องของเขา ก็ได้ขายสถานที่ปฏิบัติการอาชีพกลับมาร่วมสำนักเก่า ณ ถนนเบเกอร์ด้วยแล้ว มีหมอหนุ่มชื่อว่าเวอร์เนอร์ ซื้อสถานที่ปฏิบัติการอาชีพเล็กๆ ของข้าพเจ้าในเกนซิงตันไว้โดยให้ราคาสูงสุดที่ข้าพเจ้าโก่งไว้ด้วย ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าแปลกใจบ้าง ทั้งนี้เป็นเหตุการณ์อันหนึ่งที่คลี่คลายออกเองในหลายปีต่อมา ในเมื่อข้าพเจ้าทราบว่าเวอร์เนอร์เป็นญาติห่างๆ ของโฮล์มส์ และเพื่อนข้าพเจ้านั่นเองเป็นคนออกเงินให้"

       นั่นคือคำบันทึกของ หมอวัตสัน ได้เขียนไว้ในตอนนี้ ความผิดปกติที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรกคือ ไม่เห็นกล่าวถึง เมียหมอเลย เลิกกันกับเมีย แล้วหนีตามผู้ชายมาหรือเปล่าก็ไม่รู้  โอ๊ะ!ๆๆ ผมพูดแรงไปหรอ โอ้ว! ไม่หนะเห้! มันเป็นการอนุมาน โง่ๆ ของผมเท่านั้น

       เอาหละ ตอนนี้ เป็นการเล่าเรื่องได้ตื่นเต้นดีครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า มีผู้ต้องหาในคดี วิ่งมาหา โฮล์มส์ เองที่บ้านเลย พร้อมกับเล่าเรื่องในเหตุการณ์ ที่มักจะพูดว่า จะอธิบายและรวบรัดที่สุด แต่พออ่านๆ ไป มันไม่ใช่อย่างนั้นหนะสิ ละเอียดยิบเลย แม้กระทั่งช่วงเวลา ที่จะเข้านอน ก็ระบุได้

       จำเลยหนุ่มคนนั้นชื่อว่า จอห์น เฮกเตอร์ แมกฟาร์เลน เขามาเล่าว่า ในตอนดึก เขาไปพบชายคนหนึ่ง มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง ด้วยธุระอะไรบางอย่าง(ติดตามอ่านเอาในหนังสือเองนะจ๊ะ) ทีนี้พอเสร็จธุระ เขาก็ผละจากผู้ชายคนนั้น ออกไปเสียที่โรงแรม พอตื่นเช้ามาก็ได้ ทราบจากหนังสือพิมพ์ตอนเช้าว่า ชายผู้ที่ไปพบนั้น ตายเสียแล้วตั้งแต่เมื่อคืน  อีกทั้งบ้านยังโดนไฟเผาไปบางส่วนพร้อมกับศพ แล้วตัวเขาเอง เขาเป็นผู้ร้าย คดีฆ่าคนและวางเพลิง
       เอาหละซี่... ถ้าตัวเองไม่ได้ทำ แล้วใครทำวะแม่ง  ซึ่งเราผู้อ่าน อาจจะคิดมาก ว่า จอห์น เฮกเตอร์ แมกฟาร์เลน อาจจะเป็นผู้ร้ายจริงๆ ก็ได้ แต่มาล่อลวงโฮล์มส์ เพื่อไปดูหลักฐานเท็จก็เป็นได้
   
         หลังจากที่ตัวเขาเองก็ได้ สาธยาย เรื่องราวต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย โฮล์มส์ก็ได้ ตั้งคำถามถามกลับไป 2-3 อย่าง ตามสไตล์ หลังจากนั้น สารวัตร เลสเตรด เลียแตรด อะไรนั่น
         ก็ได้ตามผู้ร้ายของเขามายังห้องของโฮล์มส์ ในเวลาต่อมาว่า เขาได้ติดตามชายผู้นี้มาตั้งแต่ ได้รับแจ้งความว่าไฟไหม้และมีการฆาตรรมในที่แห่งหนึ่งแล้ว มีหลักฐานพร้อม ในที่เกิดเหตุ ไอ้หมอนี่ไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณหรอก โฮล์มส์ ไอ้หมอนี่โดนแขวนคอแน่

         แต่แล้วเรื่อง ที่พ่อหนุ่มคนนั้นเล่าให้โฮล์มส์ ฟัง มันไปสกิดติ่ง ความขี้สงสัยในคดีเข้าว่า มันมีอะไร น่าสงสัยหลายอย่าง ความเป็นไปไม่ได้ตามธรรมชาติอยู่หลายข้อ หรืออาจจะมีมือที่ 3 ก็เป็นได้
          แต่ถึงอย่างไรก็ดี โฮล์มส์ ได้รับว่า จะดูเรื่องนี้ ทั้งที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งไปสอบผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดอีกที แล้วก็ให้ สารวัตร เลสเตรด เอาตัวนักโทษของเขาไป เลียแตรด เอ้ย! เข้าห้องขังรอ พิจารณาโทษ
          ในตอนนี้ สารวัตร เลสเตรด ของเรา กับโฮล์มส์ ค่อนข้างจะประทะคารมในเชิงประชดประชันกันอยู่มากเลย ระหว่าง สืบสวนคดีในเรื่องนี้ เรื่องราวจะไปอย่างไรนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดี๊ยว!!.......
   

ตอนที่ 3. รหัสตุ๊กตาเต้นรำ
          อ่านเจอชื่อ ตอนนี้แล้วทำให้นึกถึงตุ๊กตา บาร์บี้ หรือไม่ก็ตุ๊กตาหมี อะไรซักอย่างที่มันเป็น ขนอุยๆ นุ่มๆ แต่พอได้ลงมืออ่านเรื่องนี้เข้า
          ปรากฏว่า ตุ๊กตาที่ว่า เป็น รูปวาดตัวมนุษย์ ที่เขียนเป็นสัญลักษณ์ แทนตัวอักษรณ์ คล้ายๆ งานวาดเขียนโบราณตามกำแพงหิน ที่ชนเผ่าโบราณที่ใช้เขียนจารึกไว้ตามถ้ำ ตามกำแพงหินต่างๆ ที่นักโบราณคดีที่ไปค้นพบแล้วจัดเป็นแหล่งท่องเทียวเชิงโบราณคดี

          ในเรื่องเรื่องนี้ จะถูกนำมาใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน ในแบบลับๆ โดย รูปวาดนี้ จะถูกขียนใส่กระดาษ ถูกเขียนใส่กำแพงบ้าน เพื่อส่งสารให้พวกเดียวกันอ่านได้
          ลักษณะรูปวาดก็จะเป็นรูปตัวคน คล้ายๆ การวาดรูปคนแบบง่ายๆ ที่วาด หัวคนเท่าจุดไม้ขีด แล้วก็วาดตัวคนลงมาเป็นเส้นเดียวแล้วก็เติมแขน เติมขา ชี้ไป ชี้มา ตามบริบท ต่างๆ
          บ้างก็ทำเป็นถือธง ยกมือยกขา ข้างเดียว ดูๆไป ก็คล้ายๆ มดยืนสองขา แล้วกางแขนได้ ยืนเรียงกันเป็นแถวยาว แทนจำนวนตัวอักษรหนึ่งๆ ที่เขียนส่งถึงกัน เป็นประโยค

          เอาหละครับ เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับรหัสลับ ที่ผมพยายามอธิบายให้เห็นภาพแล้ว อย่าพึ่งปวดหัว แต่ส่วนที่น่าปวดหัวหนักเข้าไปอีกนั้นมันซับซ้อนมากกว่านี้อีก ก็คือ เรื่องราว ของเจ้าทุกข์ ของโฮล์มส์ นั่นเอง เขาชื่อว่า มิสเตอร์ฮิลตัน คิวบิตต์ ที่มีเชื้อตระกลูอะไรซักอย่างที่รวยและมีชื่อเสียงทางสังคม
         บ้านเป็นคฤหาสน์ โอ้ว!! ที่อ่านๆ มาหลายเล่มแล้ว รู้สึกว่าคดีที่เกิดขึ้น มันมักจะตายกันที่ คฤหาสน์ กันจังเลย ไปตายกันที่อื่น กันบ้างก็ส่วนน้อย

         อ้าาาา.... เข้าเรื่องกันซักที เรื่องมันมีอยู่ว่าเจ้าทุกข์ ของเขานั้นได้นำปัญหามาเรียนให้ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ฟังว่ามีจดหมายแปลกๆ ที่เป็นรูปตุ๊กตาทำท่า กางแขนกางขาคล้ายการเต้นรำ ที่อธิบายไว้ในข้างต้น  ได้ส่งมาถึงภรรยาเขา ส่งมาวางไว้ภายในบ้าน ตามสวน เขียนตามประตูบ้าน ทีแรกเขานึกว่า พวกสวะสังคม ที่ชอบเพ้นรูปตามสะพานลอย ตามตู้โทรศัพท์ เขียนลายไปทั่วกรุงเทพ

         เมื่อภรรยาเขาได้อ่าน ก็ล้มป่วย อาการเปลี่ยนไป เหมือนถูกคุกคามทางจดหมายประหลาดนั่น ในขนะเดียวกัน ภรรยาเขาก็ไม่ยอมบอก ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เกรงว่าผัวตัวเองจะเสื่อมเสีย เพราะว่าเป็นคนไฮโซก็ว่าไป
         ตัวเขาเองก็ไม่สบายใจเมื่อเมียรัก สุขภาพจิต แย่ลงร่างกายก็ทรุดโทรม การปฏิบัติต่อกันก็เปลี่ยนไป เขาก็เลยได้ แอบจดรูป มาให้โฮล์มส์ ดูเป็นระยะๆ ว่า มีข้อความอะไรบ้าง ที่ส่งมา

         แต่ถึงอย่างไร มันเป็นความผิดพลาดของการแนะนำของโฮล์มส์เอง หรือ การไม่ปฏิบัติตามที่โฮล์มส์ แนะนำหรือไม่ เลยทำให้เจ้าทุกข์ของเขาถึงแก่ความตาย....(ชิบหายเลย)
         เอ้า!! ตายห่า เขาอุตส่าห์ หาเรื่องมาปรึกษาแนะนำแล้ว แทนที่จะคลี่คลายเรื่องราวได้ เจ้าทุกข์เขากลับมาตายอีก มีหรือ พ่อมหาจำเริญ เจ้าพระคุณผู้เป็นบิดาแห่งการสืบสวน  จะมัวนั่งสูบยาไอ้ซ์ หน้าเตาผิง แล้วบอกคนอื่นว่า คอนโทรลได้ กูเอาอยู่ 
         เรื่องราวมันเลยทำให้ตัวเขา ต้องลงไปพื้นที่ทันที ซึ่งมันก็เป็นจริงตามข่าว เขาช้าไป  มิสเตอร์ฮิลตัน คิวบิตต์ ตายเสียแล้ว

         อ้าาาา จะให้อ้า ซักกี่ที มันทำให้เขาต้องแก้ปัญหานี้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ตามจับผู้ร้ายนี้ ให้เร็วไว คุณผู้อ่านต้องหามาชิมอ่านดูเองนะว่า ปัญหานี้ เขาจะแก้เผ็ดคนร้ายได้อย่างไร....


ตอนที่ 4. นักจักรยายผู้เดียวดาย
       ทีแรกนึกว่าเป็นนักกีฬา แข่งปั่นจักรยาน ที่เป็นผู้ชาย ที่ไหนได้ เป็นผู้หญิงที่ ชอบขี่จักรยานไปทำงาน หึหึ... แล้วมันจะไปเกี่ยวกับ ท่านเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ได้ยังไง

       แต่คดีนี้ เป็นคดีที่ไม่เฮฟวี่ เท่าใดนัก เป็นคดีที่ ซับซ้อนในระดับหนึ่ง

       เรื่องมันมีอยู่ว่า สุภาพสตรีสาวสวย ท่านหนึ่ง ที่มาปรึกษา เกี่ยวกับความแปลก ของนายจ้าง แล้วก็ ความผิดปกติ ระหว่างที่เขาถีบจักรยานไปทำงาน ที่มีคนมาแอบตามหล่อน
       เรื่องมันออกจะดู กิ๊กก๊อก ผิดจากเรื่อง รหัสตุ๊กตาเต้นรำ แต่มันก็ทำให้เดาเรื่องราวได้ไม่ยากเท่าไดนัก แต่ย่างไรนั้น โฮล์มส์ เป็นคนชอบของแปลก เรื่องอะไรที่พิเรน หรือเรื่องที่มันน่าสงสัย เขาก็ตามสืบ หมดแหละ แต่เขาไม่ออกสืบเองเท่าไดนักนะเรื่องนี้  เพราะว่าปัญหามันอาจจะเบาสมอง เลยสั่งให้ วัตสัน เพื่อนรัก ออกไปสืบดูแทน

      เรื่องสั้นที่อ่านๆ มา วัตสันต์เพื่อนรักของกันนี้ ไม่ค่อยมีบทบาท อะไรมากนัก นอกจากจะไปเป็นเพื่อน กับพกปืนเป็นเท่านั้น แต่เรื่องนี้ เขาต้องไปซุ่มดู เหตุการณ์ที่คุณผู้หญิงเป็นคนเล่าว่าจริงอย่างที่ว่าไหม แล้วไอ้คนที่ตามเจ้าหล่อนนั้นเป็นใคร

      พอได้เรื่องกลับมา ก็นำเรื่องมาเล่าให้โฮล์มส์ ฟังอย่างตื่นเต้น แต่ผลลัพธ์ กลับออกมาตรงกันข้าม แทนที่จะถูกชมเชย กลับถูก โฮล์มส์ ว่าได้ มึงหนะไม่ได้เรื่อง กันสั่งให้มึง ไปตามดูผู้หญิง
ว่าเป็นยังไง กลับได้เรื่องมาแค่เนี๊ย!!... มึงไปซุ่มดูหญิงปั่นจักรยาน แล้วหำแข็งขึ้นมาหนะสิ เลยต้องชักว่าวตามพงหญ้า หรือย่างไรกัน มึงคิดว่า จอห์น ชาวไร่ มันทำอย่างนั้นจริงๆ หรอ ปัดโธ่ วัตสัน นายจะ กระสัน อะไรขึ้นมาตอนนั้น โฮล์มส์ พูดพลางเอามือแตะไหล่เขา แบบอ่อนโยน พร้อมกับสบตา

      หลังจากนั้น โฮล์มส์ ก็ออกสืบเอง โดยสืบหาข่าว แถวในละแวกที่ไกล้เคียง เผื่อได้อะไรมาบ้าง ทีนี้ เขาจะโชว์การ สืบสวน ให้เพื่อนของเขาดูว่า มืออาชีพ เขาทำกันยังไง
      เขาก็พากันมาซุ่มดูตรงที่ วัตสัน ชักว่าวทิ้งไว้ ให้มดเจาะเป็นขวยๆ แถวนั้นแหละ
      นั่นไงวัตสัน เธอมาแล้ว แต่คราวนี้ เธอนั่งรถม้ามาแทนการปั่นจักรยาน ในระหว่าง ที่ซุ่มมองไปจนสุดทางโค้งลับหายไป ก็เลยต้อง วิ่งตามไปดูกันต่อ แต่เหตุการมันไม่ได้กิ๊กก๊อก อย่าง ที่จะมาทำเป็นเรื่องตลกกันแล้วสิ พอทั้งสองคู่หู นั้นตามไป กลับเห็นแต่รถม้าวิ่งกลับมาทางเดิม ไม่มีคนขี่ ไม่มีคนโดยสาร

      อ้าว!! เจ้าทุกข์ ของเราหายไป ซวยหละสิ เจ้าทุกข์ได้รับความเดือดร้อนอีกแล้ว แล้วทีนี้จะตามกันหาเจอไหมทีนี้ กลายเป็นคดีลักพาตัวกัน แล้วหละสิ

      เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร จะเศร้าสลด น้ำตาไหล หรือ น้ำอย่างอื่นไหล ลองหาอ่านด้วยตัวคุณเอง


ตอนที่ 5. โรงเรียนสำนักอธิการ
        อะฮ้าาา!!! เป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง เป็นคดีลักพาตัว ที่อุกฤษฏ์เอาเรื่องกันเลยทีเดียว ต่างจากเรื่อง นักจักรยายผู้เดียวดาย โดยสิ้นเชิงเลย

        เรื่องนี้เราจะได้เห็นวิธีการตอแหล ของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ในการสืบสวนคดี ชั้นเชิงการเจรจา จะได้เห็นวิธีการ อธิบายในการอนุมาน ได้เป็นขั้นเป็นตอน
        การสืบหาจากรอยเท้า รอยจักรยาน ตามบ่อ ตามโคลน ซึ่งอธิบายตามรอยตีนได้อย่างเห็นภาพ เหมือนกับ ยืนอยู่ในเหตุการณ์ ล่วงรู้เรื่องราวในอดีต เหมือนกับเปิดดูภาพถ่ายกล้องวีดีโอ ไว้อย่างไม่มีผิด

        เริ่มแรกของคดีนี้มีอยู่ว่า เจ้าของสำนักอธิการ โรงเรียนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง(สถาบันดัง ว่างั้นเถอะ) ได้รับบุตรชายผู้โด่งดัง และมีชื่อเสียงระดับประเทศ ไฮโซ เคยเป็นนักการเมือง
        เอ่อ....อธิบายไม่ถูกหวะ เอาเป็นว่า รวย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ อายุ 10 ขวบ เข้ามาศักษาแล้วก็พักที่โรงเรียนเลย(เป็นโรงเรียนคล้ายๆ การเข้าแค้มป์ หละมั้งนะ)

        มีอยู่คืนหนึ่ง เด็กหายตัวไปในคืนนั้น อาจารย์ชาวเยอรมันหายตัวไปด้วย จักรยาน หายไป  2 คัน การตามหา ไม่ปรากฏว่า จะมีใครเห็น ผู้ชาย 2 คน เป็นเด็กและผู้ใหญ่ ขึ้นรถไฟไปด้วยกันตอน เวลาคืนนั้นเลย มิหนำซ้ำ ตำรวจกลับ ตามสืบไปพบผิดตัวอีก ที่เห็นว่ามีรูปพรรณ ทั้งสองที่คล้ายกัน

        มันเป็นอะไรที่ ยากต่อการค้นหา และเหตุจูงใจในการลักพาตัวไป อีกทั้งหลักฐานยังขัดแย้งกับการอนุมานของ โฮล์มส์ ที่พยายามแกะรอย
        เอาหละซี่ นอกจากจะเป็นการลักพาตัว หรือเรียกค่าไถ่ อะไรก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้มี ศพคนตายมาเกี่ยวข้องด้วย นั่นมันหมายถึง คดีลักพาตัว ที่มีการฆาตกรรม เพิ่มเข้ามาอีก แล้วจุดจบของเรื่อง ก็จะเป็นเรื่องราวที่ พลิกล็อก จนผู้อ่านไม่คิดว่า จะมีเหตุจูงใจด้วยเรื่องอย่างนี้ก็มีด้วยหรอ

เอาหละ ได้เวลาสืบสวนด้วยตัวของคุณเอง หาหนังสือเล่มนี้ มาอ่านซะ


ตอนที่ 6. ปีเตอร์ดำ
        ชื่อนี่บ่งบอกถึง ชายร่างใหญ่ ดั่งเฮอร์คิวลิส ตัวดำเมื่อม ยังกับถ่านไฟ ขนขึ้นเต็มหน้าอก และใบหน้า พูดจาเสียงดัง นั้ยตาโตดุร้าย ผมหยิกหยอง โอ้ว!! นั่นมันไม่ต่างจาก เตียวหุย เรื่องสามก๊กเลย

        เรื่องนี้ สารวัตรหนุ่มชื่อว่า สแตนเลย์ ฮอปกินส์ มาขอความช่วยเหลือ จากท่าน เชอร์ล็อก โฮล์มส์ กันถึงบ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ เลยทีเดียว
         แล้วก็เล่าเรื่องราวของนาย ปีเตอร์ดำ คนนี้ให้ฟังว่า เขาเป็นคนยังไง ตายยังไง เหตุจูงใจคืออะไรหนอ ใครฆ่าเขานะ หลักฐานมีแค่ ซองยาเส้น ที่ตกอยู่ในที่กิดเหตุ
         สภาพศพ ตายอย่างในหนัง สุดสยอง ร่างกาย ถูกเสียบ ด้วยฉมวก ติดกับฝาผนัง เลือดกระจาย ส่งกลิ่นคาว คะคุ้งทั่วห้อง ตายคากระท่อมที่เป็นที่นอนของตัวเอง เวลาที่ชอบเมาแล้วมานอนที่นั่นบ่อยๆ

          อีตาคนนี้ อดีตเป็นถึงกัปตันเรือ แต่ปัจจุบัน ได้มาเป็นตาแก่ขี้เมา ด่าเมีย ตบตีลูกสาว จนญาติในบ้านรู้การตายของเขาว่า ตายไปมันไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งปราศจากน้ำหูน้ำตา ของญาติพี่น้อง คนรับใช้ และก็คนไกล้เคียง ซ้ำยังจะดีใจเสียอีกที่ อีตาลุงคนนี้ ตายห่าไปเสียได้

          นี่แหละผลของการ ขี้เมา แล้วหาเรื่องคนไปทั่ว ใครๆ เขาจะรัก ใครๆ เขาจะสนใจมึง แล้วมึงจะมีดีอะไรวันๆ ถุยชีวิต ไอ้ห่าเหี้ย สันดานต่ำ ควย!!
          อิอิ นี่คือการใส่อารมณ์ ของผมเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อีตาคนนี้ ขีนตา(ไม่ถูกชะตา,รังเกียจ)คนอื่นเขาไปหมด ยากนักต่อ หาผู้ร้ายแล้วเหตุจูงใจได้

         ประเด็นจุดเด่นของเรื่องนี้ มันซับซ้อน ซ่อนเงื่อนอยู่บ้าง ถ้าหากไอ้หมอ สแตนเลย์ ฮอปกินส์ หมอนี้ จะอวดดีไปซักหน่อย มั่นใจในหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ ก็จะจับผู้ร้ายแล้ว ขาดการไตร่ตรองแบบท่าน เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ของเราที่ชอบ อมภูมิ ที่ยังไม่พูดอะไรมากนักจนกว่าจะมั่นใจในหลักฐาน หรือเรื่องมันต้องจบ หลังจากจับผู้ร้ายแล้ว
           อีกทั้งเรื่องของตอนนี้ โฮล์มส์ ได้โชว์สเต็ป การจับผู้ร้ายให้ดูแก่ นายฮอปกินส์ นี้ดูกัน อย่างมีศิลปะ และก็เหนือชั้น พร้อมทั้งผู้อ่านอย่างผมก็อดนึกไม่ได้ว่า มึงคิดได้ไงวะ สาสสส....


ตอนที่ 7. นายหน้าขู่กิน
          ผมไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ขู่กินมากเท่าไดนัก ไม่ค่อยได้พบคนใช้คำนี้กันซักเท่าไหร่ นายหน้าขู่กินของเรื่องนี้ นั่นก็คือ นักขายความลับ หรือพวกที่ชอบ แบล็คเมล์(blackmail) นั่นเอง
           ถ้าเปรียบกับสมัยนี้ ก็ประมาณว่า มอมยา อึ๊บสาวแล้วถ่ายคลิป แต่การกระทำของไอ้หมอนี่ จะต่างกันออกไปนิดหน่อย ซึ่งจะคอยหาข่าวจากบ้านคนรวยผ่านทางคนรับใช้ ด้วยการตีสนิท สาวๆ ให้พวกสาวใช้ แอบเอาจดหมายสำคัญของเจ้าของบ้านมาให้บ้าง ซื้อด้วยราคาแพงบ้าง เพื่อเก็บเอาไปขู่เอาเงิน จากเขาเมื่อจะทำให้เขาเสียชื่อเสียงในเหตุการสำคัญ
          ไม่ว่าจะเป็นจดหมายของคนรักเก่าของสาวๆ ที่จะแต่งงานกับคนรวย เอกสารสำคัญที่คิดว่าทำให้พวกนั้น ชิบหายตายห่า ไปแน่นอนถ้าไม่จ่ายเงินให้มัน เพื่อแลกกับชื่อเสียง จึงต้องถึงกับ ยอมควักเงิน จนหมดเนื้อหมดตัว เพื่อแลกกับเอกสารนั้นด้วยก็หลายราย

         งานนี้มีลูกความของ โฮล์มส์ ชื่อว่า เลดีอีวา แบล็คเวลล์ มาให้โฮล์มส์ ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องให้ หรือการต่อรองเรื่อง ที่จะ แบล็คเมล์ นั้นให้ลดราคาลงหน่อยพอสมควร หรือเลิกทำเสีย

         มันเป็นคดีที่แตกต่างกันไป ซึ่งกฏหมายนั้นก็ทำอะไร ตัวไอ้หมอนี่ก็ไม่ได้
         ขั้นแรก โฮล์มส์ เรียนเชิญไอ้หมอนี่มาที่ห้องพักของเขาเอง เพื่อจะทำการคุยตกลงกันกับไอ้ ทรราช ไอ้หอกข้างชาติ จอมแบล็คเมล์ ผู้นี้
         การพูดคุยของ โฮล์มส์ นั้นไม่เป็นผลที่พอใจนัก เนื่องจาก โฮล์มส์ ตกเป็นรองอยู่หลายขุมทีเดียว พูดง่ายๆ กล่อมก็ไม่ได้ เถียงก็ไม่ขึ้น ดังจะเห็นแก่ คำพูดต่อไปนี้ที่ไอ้หมอนี่ออกมา จนเกือบจะให้ โฮล์มส์ ต้องใช้กำลัง

         " ข้อนี้คุณเข้าใจผิดไปเสียแล้วหละ มิสเตอร์โฮล์มส์ การเปิดโปงให้ผลประโยชน์แก่ผมทางอ้อมเป็นอย่างมาก ผมมีเรื่องคล้ายๆ กันนี้กำลังสุกงอมอยู่ในมือราวในแปดหรือสิบราย ถ้าผมออกจดหมายเวียนไปในบรรดาคนพวกนี้ให้เห็นตัวอย่างที่ผมกำลังทำกับเลดีอีวาอย่างเข้มงวด ผมก็จะทำให้คนเหล่านี้รับฟังเหตุผลได้มากขึ้น คุณมองเห็นจุดหมายของผมไหม "

        โฮล์มส์จะแก้ปัญหาอันกดดัน แล้วก็บ้าบอสิ้นดีนี่อย่างไร จะเอาชนะ หรือแก้ปัญหาให้ลูกความของเขาได้หรือไม่ แต่ผมจะได้บอกใบ้ให้นิดหน่อยว่า การแก้ปัญหาของโฮล์มส์นั้น จะผิดแปลกไปจากเดิมมาก จนถึงได้กล่าวกับ หมอวัตสัน ด้วยประโยคหนึ่งที่ว่า
       "กันไม่รังเกียจที่จะสารภาพว่า กันคิดอยู่เสมอว่ากันเห็นจะเป็นผู้ร้ายที่สามารถมากผู้หนึ่งถ้าลงกันจะคิดเป็น คราวนี้เป็นโอกาสในชีวิตของกันแล้ว... "
   
       เรื่องราว ตอนจบ พลิกอย่างไม่คาดหมายเลยทีเดียว ต้องลองหามาเปิดอ่าน ซะแล้วมั้ง หึหึ~~~


ตอนที่ 8. อาฆาตนโปเลี่ยน
         ในตอนนี้ เริ่มต้นด้วย ปัญหาคดีที่ว่า กิ๊กก๊อกติงต้อง อีกแล้ว คือมีเรื่องราวของผู้ร้ายคนหนึ่ง ออกตามทำลายรูปปั้น นโปเลี่ยน ไปทั่วลอนดอน
         แต่ถึงอย่างไร สารวัตร เลียแตด เอ้ย! เลสเตรดแห่งสก๊อตแลนด์ยาร์ด ก็นำเรื่องมาเล่าให้โฮล์มส์ฟัง ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเอ็งหรอก มันเป็นเรื่องของ หมอวัตสันต์ต่างหาก มันเป็นคนบ้าไล่ทุบรูปปั้น นโปเลี่ยน ไปทั่ว
         แต่ถึงอย่างไร โฮล์มส์ ก็ยังจะบอกว่ากรุณาเล่าเรื่องพอที่จะเล่าได้มาพอสังเขบมาให้ฟังพร้อมกับนั่งสูบยา เอามือเท้ากับเก้าอี้ นั่งเต๊ะจุ้ย หน้าเตาผิงอีกเช่นเคย

         หลังจากสารวัตร แห่งสก๊อตแลนด์ยาร์ด ผู้นั้นเล่าเสร็จ โฮล์มส์ จึงแสดงความคิดเห็นขึ้นมาว่า
         " ข้อเท็จจริงเช่นนี้ ย่อมจะบอกเรื่องราวขัดกับทฤษฎีที่ว่าผู้ก่อความเสียหายตกอยู่ใต้อิทธิพลของความจงเกลียดจงชังนโปเลี่ยนทั่วๆ ไปเป็นอันแน่ เมื่อคิดถึง ว่าในลอนดอนจะต้องมีอนุสาวรีย์ของจักรพรรดิองค์นี้อยู่ตั้งร้อยรูปอย่างนี้แล้ว มันก็ออกจะมากไปหน่อยที่จะทึกทักเอาว่า การที่รูปจำลองต่างๆ ถูกทำลายนั้น บังเอิญมาตรงพิมพ์เดียวกันเข้าทั้งสามรูป "

          แต่แล้วอีกวันต่อมา โฮล์มส์ก็ได้รับโทรเลขมาว่า มีเหตุฆ่ากันตาย แล้วก็ที่เกิดเหตุ มีเศษรูปปั้น นโปเลี่ยนถูกทุบแตกอยู่ในสวน ทีนี้ มันจะไม่ใช่เรื่อง จิตประสาท ที่เป็นธุระของหมอวัตสันแล้ว
แต่มันเป็นเรื่อง ของ มิสเตอร์โฮมล์ส์ บิดาแห่งการสืบสวนเข้าให้แล้ว....

         จุดเด่นของเรื่องนี้ไม่ใช่ที่หัวรูปปั้น นโปเลี่ยนที่แตก หรือ คนร้ายพยายามจะหาอะไรในนั้นหรอก ที่ผู้ที่อ่านบทวิจารย์ของผม คงจะทราบได้จากการเดากันออกว่า มันต้องมีอะไรอยู่ข้างในแน่ๆ
         แต่จุดเด่นจริงๆ ของเรื่องนี้ คือการดำเนินการสืบสวนของโฮมส์ ได้ประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ ที่ได้น่าสนใจ วิธีซ้อนแผนในการจับผู้ร้ายอย่างเหนือชั้น การขยันเก็บข้อมูลหลักฐานเรื่องราวต่างๆ จนนำมาสู่การไขคดี ที่สามารถรู้ได้เลย ว่าอะไรอยู่ในหัวรูปปั้น รวมทั้งข้อเท็จจริงของเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไง ซึ่งสามารถหาหลักฐานของการอนุมานขอเขา ที่สอดรับกันได้เป็นอย่างดี


ตอนที่ 9. สามนิสิต
         นอกจากจะมีคดี ฆ่ากันตาย ลักพาตัว รวมทั้งพวก แบล็คเมล์ ชาวบ้าน หนังสือนิยายในเล่มนี้ มันยังมีเรื่องแหวกแนวได้อีก ในส่วนของตอนนี้ จะกล่าวถึง พวกหัวขโมย
         มันเป็นการตามหาผู้ขโมยของชิ้นหนึ่งไป แล้วจะมีผู้ต้องสงสัยอยู่ 3 คน ที่ล้วนเป็น นิสิตนักศึกษา
         ในตอนนี้ ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าผมเคยอ่านหนังสือการ์ตูนโคนัน ที่ตามหาคนร้าย 1 ใน 3 คนที่ปลอมตัวเป็นคนไข้เข้ามารับการรักษา ที่โรงพยาบาล
          คนร้ายที่ว่านั้น คือสมุนขององค์กรชุดดำ ที่ได้เข้ามาสืบหา มิซึนาชิ เรย์นะ ผู้ประกาศข่าวสาวสวย ที่เป็นคนของ องค์กรชุดดำ ที่ถูกทางตำรวจจับได้แล้วก็นอนป่วยอยู่ที่ โรงพยาบาลแห่งนั้น
          โคนันได้ตามหาตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 คน แต่ไม่ทราบว่าจริงๆ ว่าใครคือคนร้ายที่ปลอมมากันแน่ โคนันเลยอาศัยความเป็นเด็กเข้าไปเล่นซนในห้องผู้ป่วยเพื่อดู สิ่งแวดล้อมในห้อง มีการซักถามด้วยนิดหน่อย แล้วก็สรุป ซ้อนแผน จับตัวคนร้าย

           เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ก็เช่นกัน คดีนี้เกิดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ หมอวัตสัน ย้ำกับคนอ่านว่า ต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถที่จะบอกได้ เพราะเกรงจะเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ ดร.วัตสัน ก็ไม่เกรงใจที่จะกล่าวถึงเจ้าทุกข์ ที่เป็นอาจารย์ผู้สอน ณ วิทยาลัยเซนต์ลุกส์(ทำเป็นจะปิดบัง แต่ก็บอก) ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ ที่มีเอกสารสำคัญหาย และมีร่องรอยการคัดลอกเอกสาร ที่โต๊ะทำงานในห้องพัก
           เอกสารที่ว่านั้นเป็นต้นฉบับ ข้อสอบไล่ชิงทุน ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ไม่กล้าถึงเรื่องตำรวจเช่นกัน เพราะกลัวเสียชื่อเสียง(พวกฝรั่งแม่ง ชอบห่วงชื่อเสียงกันซะจริงๆ) แล้วการสอบจะต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ถ้าหากปล่อยเลยตามเลย
มันจะไม่เป็นการยุติธรรมสำหรับ คนที่ไม่ได้รู้ข้อสอบนั้น

           ดังนั้น เชอร์ล็อก โฮล์มส์ พระเอกของเราก็มีทำท่าเล่นตัวนิดหน่อย แต่ก็ยอมช่วยเหลือ โดยฟังจากการเล่าของ อาจารย์เจ้าทุกข์นั้น พร้อมกับไปดูที่เกิดเหตุ
            การที่ โฮล์มส์  ไปยังที่เกิดเหตุนั้น โฮมได้อธิบายถึงหลักฐานต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ของเศษดินสอ รอยเท้า บานหน้าต่าง จนสรุปได้ว่า คนร้ายต้องอยู่ที่นี่ อยู่ในที่พักแห่งนี้แน่นอน
           มันทำให้เข้าเรื่องของตอนนี้ที่ว่า "สามนิสิต" ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

            แล้วการคลีคลายคดี สามารถอธิบายได้รู้จนโอเวอร์มากว่าคนร้ายอยู่ในห้องประมาณกี่นาที มีความรีบร้อนเพียงใด ใช้ดินสอ ชนิดอะไร และการเข้าพบ ผู้ต้องสงสัย เพื่อไปสัมภาษณ์ ดูพฤติกรรมของแต่ละคน

           การจบของเรื่องนี้ ก็มีหักมุมนิดหน่อย พอเป็นกษัย ถ้าอยากรู้การทำงาน ของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ในตอนนี้ ว่าเขาใช้หลักการวิเคราห์ อนุมานเหตุผลอะไรบ้าง ต้องหาติดตามอ่านกันดู


ตอนที่ 10. แว่นตากรอบทอง
           สแตนเลย์ ฮอปกินส์ ถ้าจำได้ว่าเขาเป็นใครนั้น ท่านผู้อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เปิดย้อนไปดูตอน ปีเตอร์ดำ ก็ได้นะจ๊ะ อีตาคนนี้ มาหา โฮลมส์ ตอนดึกๆ ดื่นๆ ในคืนที่มีฝนฟ้า ลมหนาวและพายุในเดือนพฤศจิกายน อย่างอุกฤษฏ์นัก
           แน่นอนว่า การมาหา โฮลมส์ ในครั้งนี้คงไม่ได้มาเพื่อขอเป่าปี่ เป็นแน่ๆ นอกจากจะมีเรื่องให้ยอดชายผู้นี้ ช่วยเหลือในคดี "ฆาตกรรม" ~~~...
           เปรี๊ยง!!!............ เสียงฟ้าผ่า พร้อมกับแสงฟ้าแลบ ผ่านเงามืด เข้ามายังในห้องของ โฮลมส์ ที่กระทบเงาตัวของ ฮอปกินส์ ที่เนื้อตัว ขมุกขมอม จากที่ตรำฝนมา

           นี่ไงหละ ซิการ์ ยาสูบ กัญชา ยาไอ้ซ์  หรือจะกินเหล้ายา บรั่นดี สาโทสยาม หล้าขาว เหล้าต้ม เรามีหมด นี่แหนะวัตสัต เมื่อวานเราดื่ม 037 ยังเหลืออยู่เป็นลังอยู่นั่นหนะ หรือจะเอาแบบเย็นๆ เราก็มีนะ ในตู้เย็น สเมอร์นอฟฟ วอดก้า ยาบ้า เราก็แช่ไว้ แล้วกรุณานั่งลง แล้วเหยียดขาเข้าเตาผิงซะ แล้วก็เล่าเรื่องราวอันน่าขนลุกขนพอง เยี่ยงกว่าแมวขู่ มาให้เราฟัง
            การมาของ ฮอปกินส์ ครั้งนี้ เขางง กับคดีนี้มาก ทั้งเหตุจูงใจในการฆ่า รอยเท้าบนทางเดิน ลักษณะการตายของผู้เคราะห์ร้าย ที่มือข้างหนึ่งถือแว่นตากรอบทองอยู่ พร้อมทั้งมี Dying Message ที่ผู้ตายพูดเป็นคำสุดท้ายก่อนตาย

           เรื่องนี้ได้รับความสนใจจาก โฮลมส์ เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วย ซึ่งได้เดาเรื่องราว แทบไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การคลี่คลายคดีของ โฮลมส์ นั้น ได้ต่างจากการคลี่คลายโดยทั่วไป ซึ่งคล้ายกับการด้นสด ต้องทำการหาข้อมูล แล้วก็ทำการทดลอง ที่อยู่แต่ภายในบ้าน ส่วนข้อมูล อื่นๆ ก็ให้ ฮอปกินส์ ไปหาเอามาเสริม จากพยานคนข้างบ้าน หรือตามสถานีรถไฟ
           แต่หลักฐานสำคัญที่ ฮอปกินส์ หนุ่มผู้นี้ไม่เห็น แต่โฮล์มส์ กลับเห็นมันอยู่ในบ้าน พร้อมกับทั้งการทดลอง อะไรต่างๆ ทำตัวแปลกๆ รอจังหวะเวลาการสนทนา การใช้คำพูดหว่านล้อมกับสาวรับใช้

           อะฮ้าาาา เรื่องราวชักสนุกมาก เมื่อโฮล์มส์ รู้ว่าแว่นตานั้น คนใส่ เป็นคนหน้าตาแบบไหน เป็นเพศอะไร รู้ด้วยว่าลัษณะการพูดจาของเจ้าของแว่นตา เป็นเช่นไร

            แว่นตาอันเดียวบอกอะไรได้มากขนาดนั้นเลยหรือ ความจริงมันไม่ใช่ 2 หรือ 3 อัน แต่ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดี่ยวเท่านั้น!!!~~~~......


ตอนที่ 11. นักรักบี้หาย
         ชื่อของตอนนี้เราต้องความเข้าใจให้ถูกต้องกันเสียก่อน "นักรักบี้หาย" เราต้องอ่านให้ติดต่อกัน หากแต่ไม่ปฏิติตามโดยเคร่งครัด ความหมายนั้นจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เช่น นักรัก-บี้หาย, นักรักบี้-หาย ข้อความข้างตั้นผมจะแปลให้ฟัง ณ บัดเดี๋ยวนี้

นักรัก-บี้หาย หมายถึง นักรัก ที่ทำ บี้หายไป
นักรักบี้-หาย หมายถึง แฟนคลับ บี้ the star หายตัวไป

ดังนั้นความหมายของคำว่า "นักรักบี้หาย" ซึ่งมันต้องหมายถึง "นักกีฬา ที่เล่นรักบี้ฟุตบอล หายตัวไป"

           เอาหละครับ อย่าคิดว่าเรื่องนี้มันไร้สาระ เราต้องฝึกคิดฝึกสังเกต เหมือนกับ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ไว้บ้าง เรื่องราวในคดี นี้ เริ่มต้นที่ เพื่อนนักกีฬาของผู้หายตัวไป ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือ แจ้งเกี่ยวกับการหายตัวไป ของนักกีฬารักบี้ฟุตบอล จอมพลัง และเก่งที่สุดในทีม ให้โฮล์มส์ สดับรับฟัง

           ซึ่งปกติเรื่องราว ที่เป็นเรื่องพื้นๆ ไม่แปลกพิสดาร วิตถาร โฮล์มส์ จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังต้องเล่นตัวด้วยซ้ำว่า ไม่ช่วยเว้ย งานกูเยอะ
           แต่ในบันทึกของ หมอวัตสัน ได้เขียนว่า ช่วงนั้นเขาว่างงาน ถ้าปล่อยตัวไปนานๆ เขาจะหาสารเสพติด อะไรต่อมิอะไรมาเสพ  ตามประสา พ่อนักอารมณ์ศิลปินใหญ่
           ซึ่งแทนที่เขาจะเอาเวลาว่างนั้น ไปหาตีกะหรี่บ้าง ผู้อ่านอย่างผมที่ได้อ่านมา ผมยังไม่เคยเจอ ตอนที่กล่าวถึง การอึ๊บสาวของเขา รวมทั้งการชักว่าว ช่วยตัวเองเลย

           เอาหละ เรื่องมันมีอยู่ว่า นักกีฬารักบี้ คนสำคัญของทีมหายตัวไป ซึ่งจะไกล้ วันลงแข่งแล้ว ยังไม่มีการติดต่อกลับมา หายเงียบสนิทเลย เพื่อนนักกีฬาคนนี้จึงเป็นห่วง สวัสดีภาพ ทั้งความปลอดภัย ของหมอนั่นด้วย
           การสืบคดีของโฮล์มส์ ของตอนนี้ จะเป็นการแกะร่องรอยไปทีละขั้นละตอน โดยสืบหาจากทางญาติก่อน แต่คดีหายตัวของคนนี้ ก็มีแต่ญาติห่างๆ(ลุง) อยู่
           ญาติแท้ๆ พ่อแม่พี่น้อง ตายหมดแล้วด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ในนิยายไม่ได้กล่าวถึง การเจรจา พบปะกับญาติของผู้ที่หายตัวไปนั้น เพื่อที่จะทราบข้อมูลของผู้ที่หายตัวไปได้บ้าง พร้อมทั้งเหตุจูงใจอื่นๆ ที่ได้หายตัวไป หรือโดนลักพาตัว  แต่ โฮล์มส์ กลับได้รับคำตอบด้วยประโยคหนึ่งที่ว่า

           " ผมไม่มีความเห็น มันโตพอและอายุก็มากพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ถ้ามันเซ่อเซอะถึงกับทำให้ตัวเองหายไปได้ ผมก็ไม่รับผิดชอบอย่างไรทั้งสิ้น
ในการที่จะเที่ยวตามหามัน "

           เอาหละสิ การสอบถามจากพยานบุคคล ต่างๆ นั้นไม่เป็นผลเลย ดังนั้น ก็เลยได้เปลี่ยนวิธีสืบด้วยวิธีอื่นแทน เช่น การกดดินสอลงไปในกระดาษ ที่ทะลุลงอีกใบ แล้วส่องแดดดูว่าโทรเลขที่เขาขียนไปก่อนหน้าที่ชายคนนั้น จะหายตัวไป ว่าเขียนอะไรส่งไปที่ใคร รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ บ่งบอกสถานะ อะไรของเขา พร้อมกับต้องเร่งสืบสวนให้เร็วที่สุด

          คดีนี้จะลงเอยเช่นไร อาจจะเป็นการลักพาตัวหรือไม่ จะเจอตัวเขาแบบมีชีวิตหรือเปล่า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น คุณต้องไปหามาอ่านเอง......


ตอนที่ 12. ชู้รักของเลดี
         เรื่องนี้ ชื่อตอน เหมือนบอกไบ้ให้แล้วว่า ใครเป็นคนร้าย แน่นอนว่า มันจะเป็นคนอื่นไปเสียไม่ได้นอกจาก "ชู้รักของเลดี"

         หลังจากการกลับมาหของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ที่หมอวัตสัน ได้เจอกับเขา ในเรื่องสั้นตอน "บ้านร้าง" มาถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาประมาณถึง 3 ปี ซึ่งในเล่มที่อ่านมาทั้งหมด ไร้วี่แวว ของเมียหมอวัตสันเลย การกินอยู่หลับนอน อยู่ที่บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ แทบทั้งสิ้น

        คดีในเรื่องนี้ อีกแล้วครับ... สารวัตรหนุ่มที่ชื่อว่า เสลด หอบกิน เอ้ย! สแตนเลย์ ฮอปกินส์  หางานมาให้อีกแล้ว แถมยังชอบชักจูงการทำงานของ โฮล์มส์ มั่วออกไปคนละทางอีก
         แต่ถึงอย่างไร นักสังเกต และแหล่งรวบรวมความรู้อย่าง มิสเตอร์เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ท่านนี้ จะพลาดอะไรง่ายๆ ไม่
         การฆาตกรรม เจ้าของบ้าน มหาเศรษฐี คนดังผู้หนึ่งตายคาห้องกินข้าว สภาพศพโดนเหล็กเขี่ยถ่านหน้าเตาผิง ฟาดเข้าที่หัว นอนตายคว่ำหน้า แถมยังจับ ภรรยาผู้ตายมัดไว้ที่ โต๊ะ แถวนั้นอีกต่างหาก

        อ้อ!! ลืมบอกไป ว่าทุกตอนที่เห็นสาวงาม หมอวัตสันจอมหื่น ก็จะอธิบายว่า ข้าพเจ้าไม่เคยจะพบผู้หญิงที่ไหน สวยได้เท่านี้มาก่อน แต่กูผู้อ่าน กูก็เห็นมึงเขียนอย่างนี้ แทบทุกตอนเลย ถ้าตอนไหนมีสุภาพสตรีที่เป็นคนดีเข้ามาเกี่ยวข้อง สวยทุกคน

         อีตาผู้ตายคนนี้ มีประวัติ ไม่ค่อยดีนัก คล้ายๆ กับอีตา ปีเตอร์ดำ ตอนที่ 6. ที่มีนิสัยเมามาย ตบตีเมียตัวเอง บ่อยๆ พูดจาหยาบช้า กร้านโลก ไอ้หัวโปก เอ้ย!!
          นั่นแหละ ตายห่า โดนเหล็กคีบถ่านที่บ้านตัวเองตีหัวตาย อย่างที่บอกไว้แล้ว
          เรื่องมันจะสอบสวนง่ายกว่านี้ถ้า..... เอ่อ.....   อุบไว้ เดี๋ยวอ่านไม่สนุก แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยความรอบรู้ของบิดาแห่งการสืบสวนอาชญากรรม ได้ปะติดปะต่อ แล้วก็หลักฐานที่เป็นไปไม่ได้ อย่างแก้ววาย ความพิลึกของหลักฐาน แต่ก็ยังสาวถึงตัวคนร้ายได้ ถึงขั้น โทรเลขเรียกผู้ร้ายมาหาที่ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ที่ห้องพักของเขา ให้เข้ามาพูดคุย เครลียร์กันแฟร์ๆ แบบลูกผู้ชายกันเลยทีเดียว
          อย่าเข้าใจว่า เขาจะเรียกเอาผู้ร้ายมาสวิง เพื่อปลดปล่อยความกำหนัดหรอกนะ การพูดคุยคือการให้เขารับสารภาพ กับตัว โฮล์มส์ โดยปราศจาคตำรวจ ฮอปกินส์(ไอ้ หอบกินนั่นหนะ) ในตอนนี้ ผมอ่านแล้วโคตร ประทับใจไอ้ผู้ร้ายนี่มากๆ โดยเขาได้สารภาพ ให้กับ โฮล์มส์ ฟังอยู่ประโยคหนึ่งว่า

          "ผมรักหล่อนขึ้นมากทุกวัน ของการเดินทางครั้งนั้น ถึงแก่คุกเข่าจูบลงดาดฟ้าเรือลำนั้นในเวลามืดๆ ก็หลายครั้ง เพราะผมรู้ว่าเท้าอันน่ารักของหล่อนได้ย่างเหยียบ หล่อนไม่ได้ตอบรับผม คงปฏิบัติกับผมตามสมควรแก่สตรีพึงจะปฏิบัติเท่านั้น"

          อู้ยยยยยย!! ความรักเอ๋ยความรัก ที่ทนเห็นคนรักตัวเอง โดนสามีทุบตีอยู่เสมอ แถมยังเป็นผู้เคยพบเจอกับแม่นางคนนั้นมาก่อนอีก แต่ด้วยเขาเป็นคนไม่ร่ำรวย การที่จะรักใครซักคน คือเห็นคนที่เรารักมีความสุข นั่นมันเป็นในทางที่ถูกต้องของเขา แต่เมื่อใดที่เห็นคนที่รักเป็นทุกข์ เขาย่อมเจ็บปวดเสมอ นั่นแหละคือเหตุจูงใจในการ ฆาตกรรมในเรื่องนี้.....


ตอนที่ 13. รอยเปื้อนที่สอง
         คดีในตอนนี้ เป็นเรื่องระดับชาติบ้านเมือง จะเกิดภาวะสับสนอลหม่านเป็นมหันตภัยยิ่งใหญ่ ถึงขั้นต้อง ทำสงครามกันเลยทีเดียวถ้า เอกสารสำคัญนั้นตกไปอยู่ในมือผู้ร้าย
          การสืบสวนคดีนี้ ต้องทำด้วยความระแวดระวัง โดยที่สุด ที่จะเป็นความลับได้ ถ้าเปรีบกับการตด คุณต้องตดแบบไร้เสียงไร้กลิ่นกันเลยทีเดียว
          ขนาดลูกความของ โฮล์มส์ เป็นถึงนายกรัฐมนตรี(โอ้ว!! ปาดโท้ววว!.. ซะมะคักแท้น้อ) ยังไม่กล้าที่จะไปแจ้งตำรวจ กลัวว่าข่าวมันจะรั่ว กลัวข่าวมันจะดัง แต่ผมคิดว่า เขาคิดผิด... ดร.จอห์น เอช. วัตสัน ผู้จดบันทึก เขาเอามาเผยแร่ให้ทั่วโลกอ่านกันแล้ว  แม้กระทั่งกูเองอยู่ประเทศไทย กูก็รู้ 5555555+

         เอาหละคดีนี้ จดหมายหายไปจากบ้านท่านรัฐมนตรีกระทรวงการยุโรป จดหมายนั้นสำคัญถึงกับต้องพกติดตัวอยู่ตลอด ใส่เซฟที่ทำงานก็ไม่ได้ เวลานอนจะพกไว้ตลอดก็คง อึ๊บกับเมียไม่ถนัดเป็นแน่
         ดังนั้นเมื่อถึงบ้าน ก็เก็บลงหีบที่ซ่อนไว้มิดชิด เวลาออกไปทำงานก็แกะออกมา พกติดตัวไปทำงานด้วย โอ้ย!! แม่งอะไรจะขนาดนั้น
         แต่ด้วยความรอบคอบซักปานใด ของมันอยากจะหาย คนมันอยากจะตาย มันห้ามกันยาก ในที่สุด ของเช้าวันหนึ่ง เขาได้เปิดหี นั้นขึ้นมาดู ตามปกติ เอ้ย!! เปิดหีบๆ เว่ย
          แต่แล้วไม่พบจดหมายนั้น............. มันหายไปไหน??? ชิบหายหละคราวนี้... ยิ่งจะเกิดภาวะสับสนอลหม่าน ที่ว่านั้น แทนที่มึงจะเผามันทิ้งแต่กลับพกติดตัวทำเพื่ออะไรก็ไม่รู้

         ช่างแม่งเหอะ ไม่งั้นเจ้ายอดชาย นักสืบ ผู้กู้โลก คงจะว่างงาน
         รอยเปื้อนที่สอง ลืมไปหรือยังครับชื่อตอน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับปัญหาจดหมายโลกแตกนี่หละ การสืบสวน และการอนุมานว่าจดหมายนี่จะตกไปถึงมือใคร นั้น โฮล์มส์ ลงความเห็นว่า มีเพียงอยู่ 3 คนเท่านั้น เขาจะเริ่มสืบจาก คนที่ชื่อว่า เอดูอาร์โด ลูกาส ก่อน
          แต่แล้วๆๆ เจ้าพระคุณรุนช่อง ไอ้หมอนี่ เสือกตายคาบ้าน หลังจาก โฮล์มส์ ได้รับข่าวเงียบๆ จากนายกรัฐมนตรีได้แค่วันเดียว การสืบสวน ปัญหาระดับประเทศนั้นจะลงเอยอย่างไร

          ผู้ที่จะกอบกู้โลกได้ ไม่ใช่ จอห์น คอนเนอร์ หรือ นักว่าว อย่าง จอห์น ชาวไร่ อะไรทั้งนั้น นั่นก็คือ เชอร์ล็อก โฮล์มส์.........คนนี้เท่านั้น~~~~~~


สุดท้ายนี้ บทวิจารณ์ ที่ผมรีวิวนี้ เป็นแค่งานอ่านเล็กๆ น้อยๆ ของผมเท่านั้น แต่จะคงไม่สะใจเท่าตัวคุณลงมืออ่านหนังสือเรื่องนี้เอง นะครับ



...

อ่านต่อ...